รีวิว กินรีสีรุ้ง : จากบรอดเวย์สู่รัชดาลัย


(ถ่าย ณ รัชดาลัย)

รู้หรือไม่ ....!
"La Cage Aux Folles" เคยเปิดแสดงที่เมืองไทยแล้ว
ไม่ใช่ที่รัชดาลัย คราวนั้นคือ ดรีมบ๊อก เป็นผู้ผลิต คราวนั้นใช้ชื่อว่า "วิวาห์คาบาเร่ห์"

แต่คราวนั้น เป็นการแอบเอาบทมาดัดแปลง(แอบเล่นไม่ถูกลิขสิทธิ์มั้ง)
และไม่ได้ musical อะไร

(ถ่าย ณ รัชดาลัย)

แต่ปี 2553 เป็นการมาของ "LA CAGE AUX FOLLES" อีกครั้งที่รัชดาลัยในนาม "กินรีสีรุ้ง" ที่ครั้งนี้ Promote ว่า หรูหรา ฟู่ฟ่า musical แบบบอร์ดเวย์บนเวทีไทย...!
ที่คราวนี้ ออกตัวแรงมาเต็ม ทั้งการซื้อลิขสิทธิ์เพลง และบทมาถูกต้อง การโปรโมทเต็มสูบ
การพลิกบทของเจมส์ เรืองศักดิ์ มาเป็นอิสเบลล่า รวมทั้งเครดิตของทีมงานและัรัชดาลัย
ทำให้ "LA CAGE AUX FOLLES" ละครเวทีชื่ออ่านยาก เป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืน...!


(การตลาด งบ รสนิยม แนวงานที่ออกมา ต่างกันนะจ๊ะ ทั้ง 2 เจ้า)

La Cage aux Folles ต้นกำเนิด บอร์ดเวย์ และต่างแดน
La Cage aux Folles คืออะไร ขอเกริ่น ในปี 1973 เรื่องนี้เป็นละครพูด เปิดแสดงที่ฝรั่งเศสฟผู้กำกับคือ ตา Jean Poiret ซึงเปิดแสดงตั้ง 1800 รอบแหน่ะ..! pop มากเลยถุกสร้างเป็นหนังในปี 1978 และได้ชิง
ออสการ์ด้วยนะตัวเธอ

จุดเปลี่ยนสู่ความ peak ของเรื่องนี้อยู่ที่ ตา Harvey Fierstein เอาบทละครมายำ ทำเป็น Musical และหวยก็ออกเพราะว่า เปิดแสดงไปแล้วถึง 1,761 รอบที่บอร์ดเวย์ นิวยอร์คและได้รับรางวัล Tony Award (ออสการ์ของละครเวที) ถึง 6 รางวัลในปี 1984 ได้แก่ Best Musical, Best Book, Best Original Score, Best Costume Design, Best Direction และ Best Actor in a Musical


นอกจากนี้ยังมีLa Cage aux Folles ในเวอร์ชั่นชาตอื่นๆ นอกจากบอร์ดเวย์อีกด้วยนะ

จาก La Cage aux Folles" สู่ "กินรีสีรุ้ง"

"คุณบอยเขาดูละครมาเยอะ เรื่อง LA CAGE AUX FOLLES เนี่ย เขาดูมาไม่รู้กี่เวอร์ชั่นแล้วและเขาชอบ เลยอยากทำ แล้วละครเก่าๆ แบบนี้ ฝรั่งขายลิขสิทธิ์ง่าย ถ้าจ่ายถูกต้องเอาเพลงไปเลย จะทำอะไรก็ไปทำ เขายื่นโน๊ต ยื่นบทให้เลย"

จากการสัมภาษณ์คุณจิ๊บ หนึ่งในทีมครีเอทีฟตัวพ่อ ของรัชดาลัยกล่าวไว้ (แอบเอา Thesis มาเล่า )

ประเด็นอยู่ที่ว่า ละครชื่อประหลาด เนื้อเรื่องไม่ได้มาจากวัฒนธรรมไทย แถมยังเป็นเรื่องกระเทยอีกใครจะไปดูล่ะ และก็เป็นงานยากที่จะวัดฝีมือคุณบอยและทีมงานเองเองด้วย ว่าเอาบทเค้ามาทำรุ่ง หรือทำเละ...!

16 มิถุนายน รอบกาล่าของ กินรีสีรุ้ง น้องมอร์ได้ไปเดินเก๋ แถวนั้นมา
และได้เข้าชม เลยขอมาแชร์ความรู้สึกนึกคิดกับละครเรื่องนี้ให้ทุกท่านฟัง และขอเตือนตรงนี้ว่า
ถ้ามีใครคิดจะไปดู อย่าทำมาเป็นอ่านก่อน ให้ไปดูก่อนแล้วค่อยมาอ่านนะ



มุมมอร์
ภาพรวม
ละครเรื่องนี้ ตอนแรกนึกว่าจะได้ดู ดราม่าเข้มข้น ในฉากยิ่งใหญ่ แต่เปล่าครับ ความจริงนี่คือ musical แบบ Family ฮาขี้ไหล ด้วยบท และจังหวะมุขที่ลงตัว และไม่ใช่ละครฟอร์มใหญ่ มีวัง อะไรหรือเทคนิคมากมาย โดยรวมนี่คือละครฟอร์มกลางๆ ของค่ายนี้ ที่คุ้มค่าราคาบัตรครับ และทำได้ดีครับ น่าประทับใจ

เพลง
ต้องบอกว่า เพลงเรื่องนี้ เพราะเหี้ยๆ ครับ เพราะมาก คือเพราะด้วยตัวเมโลดี้เอง และการเรียนเรียงที่พิศดาร คงเพราะเอาสกอร์มาจาก broadway เลย ซึ่งมันถึงเพราะ เค้าใช้วงใหญ่ในการเล่น ฝีมือนักดนตรีรนี่ก็ไม่ธรรมดาครับ เล่นได้ดีมากครับ ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้ผู้เรื่ยบเรียงและวาทยากรครับ ฝีมือมาก

เพลงที่แปลเป็นภาษาไทยนั้น คือสิ่งอัศจรรย์ครับ เพราะต้องยอมรับว่า เพลงแนวบอร์ดเวย์ ออริจินอล แบบนี้ แปลเป็นไทยแล้วจะตลกแน่ ด้วยทำนอง วิธีร้อง และ โน๊ต แต่เพลงในเรื่องนี้ แม่ง อย่างดี.... ทั้งได้ความหมาย ได้อารมณ์ มีสัมผัส และเสียงไปกับเมโลดี้ได้ อันนี้ขอชมจริงๆ

นักแสดง
เจมส์นี่... ขอผ่านครับ ไม่มีข้อสงสัยในการเป็นผู้หญิงของเธอ และเธอเสียงโคตรเพราะ ยิ่งซีนในตำนานอย่าง “มาสคาร่า” นี่ก็เล่นได้น่ารัก และเพลง I am what I am ก็ส่งพลังมาถึงคนดูได้อยู่หมัด
กบนี้ก็ขอผ่าน เพราะเหมาะกับบทมาก และเสียงนุ่มจริง อะไรจริง อยู่เลย
ตัวลูกชาย หรือพระเอกรุ่นเล็ก ก็ ok ครับ ความสามารถดี แต่บทยังไม่ส่งเท่าไหร่
ส่วนคนที่เล่นเป็น แอน น้อม ออมจาก สตอร์เบอร์รี่ชีทเค้ก อันนี้ขอไม่พูดถึงนะครับ เพราะพูด นับประโยคได้
เหล่ากินรี เต้นได้เยี่ยมครับ คม ชัด ลึก และแรงดีไม่มีตก อีกอย่างการร้องก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานเลยครับ
ส่วนนักแสดงประกอบอื่นๆ ที่มีบทร้อง ต้องบอกว่า พวกเขามีคุณภาพเสียงทิ่วิเศษครับ เริ่ด

ฉาก
โอ้ย อย่าไปกลัวเลยเรื่องนี้ ฉากสวยครับ ยอมรับว่าสวยสมมาตรฐานของรัชดาลัย
เรื่องนี้น่าสนใจเพราะจะเป็นการย้ายฉากมาจากด้านข้างเวทีมากกว่าจะห้อยลงมา ทำให้ดูมีสีสันมากขึ้น
แต่ฉากโรงละครนั้น ยอมรับว่าฟู่ฟ่าหรือหราครับ แต่ยังไม่เห็นความสด ใหม่ เพราะว่าเราเคยเห็นฉากแบบนี้ใน บางกอก 2548 มาแล้ว เหมือนเด๊ะๆๆๆ
บท
เรื่องนี้มีโครงเรื่องมาจากต่างประเทศ ดังนั้น ผมว่า วิธีหรือเนื้อเรื่องยังไม่ค่อยถูกจริตคนไทยเท่าไหร่นะครับผมว่า
แต่ก็ถือว่าเป็นโครงเรื่องที่สนุกเลยล่ะครับ แต่เนื่องจากทีมงานคงพยายามปรับเรื่องให้เป็นไทยที่สุกแล้ว ซึ่งก็ดีครับเพราะดูใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งชื่อตัวละครที่เป็นชื่อไทย สถานที่ต่างๆ ในเรื่องก็เป็นภาษาไทย (ยึกเว้นเจ้า ลาคาจ โอ โฟล)

การเล่าเรื่อง
โดยรวม สมบูรณ์ด้วยตัวของมันครับ เพราบทกลมอยู่แล้ว
แต่ผมว่า ยังขาดอยู่บ้าง คือการ เน้นการขยี้อารมณ์ของตัวละครให้ชัดกว่านี้ เช่น ความรู้สึกของตัวลูก การขยี้อารมณ์ของตัวแม่ลึกๆ ว่ารู้สึกอย่างๆ ไร กลายเป็นว่าละครเรื่องนี้อาจเบาไปในความมีมิติของตัวละครครับ

เต้น
เรื่องนี้ครูโจ้รับหน้าที่ดูแลเรื่อง dance ไป ซึ่งก็เชื่อขนมได้ระดับหนึ่งครับ คือ ชื่นชอบตรงที่มีการตีความใหม่ในแบบของไทย เช่น เช่นตีความจากฝรั่งในโชว์หนึ่งที่เป็นนก แต่ของไทยเป็นกินรี ท่าทางและเรื่องราวเลยเหมือนกับเอาวรรณคดีมาทำเป็น dance เราเห็นพรานบุญ จับกินรี กลางเวที ดูแล้วก็ชอบในการตีความ
หากแต่ที่ขาดคือ การใส่ dance ใน Show หลักๆ ของกินรี ต้องยอมรับว่า ยังขาดความคม ใน dance แต่ละชุด เรายังไม่เห็นท่าแปลกใหม่ในโชว์นี้ และเราจะเห็นท่าซ้ำๆ เยอะมาก ต่างจากของฝรั่งที่จะเอาอื่นๆมาประยุกต์ เช่น การเต้นแทป เป็นต้น


























(dance เทพ ของต่างประเทศ ไม่ได้บูชาฝรั่งแต่นี่วัฒนธรรมเขา)
เสื้อผ้า
ปล่อยผ่านนะครับ สวย โดยรวม ok ครับ หรูหราพารากอน
อย่าเอาไปเทียบกับนางโชว์ต่างประเทศ เพราะวัฒนธรรมต่างกันครับ
ความหรูหรา ฟูฟ่า ของเรา คือเรา

ชอบมาก
ละครในหลายฉาก จะสร้างบรรยากาศให้เหมือนเราอยู่เป็นส่วนหนึ่งในเนื้อเรื่อง ไม่ใช่คือผู้นั่งชม
แต่มีการแปลงบรรยากาศ โรงละครให้เป็น La cage aux folles จริงๆ เหมือนกับว่าเราดูอิสสะเบลล่าโชว์อยู่จริงๆ บนเวที ซึ่งผมชอบการเลือกนำเสนอแบบนี้มากครับ เพราะใหม่ สด และ รับส่งพลังก็นักแสดงได้เต็มๆ ส่วนบรรยากาศที่ว่านั้นจะเป็นอย่างไร ดูเองดีกว่าไหม


























(เหล่ากินรีแบบไทย)
เอาล่ะ โดยรวมเต็ม 10 ดาวผม ให้ 8 ครับ
และที่ประทับใจมากคือ gender น่าแปลกที่ตอนแรกแอบคิดว่า เรื่องนี้จะแบบดูลำบาก
เพราะนึกว่าจะเป็นละครกระเทย ดูลำบาก จริตเยอะๆ
แต่ว่า ต้องบอกว่า ละครเรื่องนี้ ลืมเรื่อง gender ไปเลย ลืมไปเลยว่าตัวละครไหนเพศอะไร
ผมไม่นึกว่าเลยว่าเหล่ากินรีเป็นผู้ชานย ถ้าพวกเธอไม่เผนมัดกล้าม
และการแสดงออกของพวกเธอก็น่ารักกำลังดี ไม่ได้ แต๊ดแต๋ ครับ
ซึ่งประทับใจ...มาก
เพราะยังมีข้อเสียอยู่บ้าง
1.ผมว่าควรเทน้ำหนักมาที่ part ดราม่ามากกว่านี้ครับ เพื่อเพิ่มความลึกของตัวละคร และเสริมเรื่องให้เข้มข้นขึ้น เวลาจบอย่าง happy ending มันจะอิ่มกว่านี้ครับ คือสนุกฮาสุดแล้วเรื่องนี้ แต่เรื่องซึ้งอิ่มเอิบนั้น ยังพร่องไป
2.เรื่อง Dance ในฐานะคนดู อยากเห็นโชว์ที่มีท่ายากๆ แปลกๆ สดๆ ครับ และท่าไม่ซ้ำเยอะขนาดนี้ครับ
คือบางโชว์อยากให้ท่าและ concept คมกว่านี้ จะดีมากครับ (แต่เท่าที่ดูก็เยี่ยมแล้วนะครับ)
3. ผมว่า เรื่องนี้ยังขาดความกระชับในแต่ละฉากครับ แต่ละฉากแช่นานไป เท่าที่ถาม บางคนหลับไปในบางแกก็มี อิอิ ผมว่า เลือกซอยแต่ละฉากให้สั้นลงบ้างก็จะดีขึ้นนะครับ
4.กางเกงของพระเอกรุ่นเด็ก เดฟไปนะครับ รับซะเป้าตุง ปรับปรุงนะครับ


จบละมีเท่านี้ครับ
ก็นับเป็นละครที่ดีมากอีกหนึ่งเรื่อง ในแง่ของ ข้อคิด และความบันเทิงครับ
หากใครอยากมาลองดูอะไรยากๆ ฟังเพลงสดๆ สกอร์แปลกๆ เล่นเพราะๆ คุณภาพนักแสดงที่ดี เสียงบอร์ดเวย์ เสื้อผ้าระยิบระยับ ฉากสวย ก็ขอเชิญมารับเสียงหัวเราะกลับบ้านไปจาก ลาคาฟ โอฟอล นะครับ
แบบว่าถ้าเงินเหลือบ้าง แนะนำให้ดูครับ นานๆ จะมีละครดีดีแบบนี้แสดงสักเรื่อง
แต่ถ้าไม่ได้ขวนขวายจะดูอะไร ก็ไม่ต้องไปดูก็ได้ครับ เรื่องนี้ get ให้อยู่ในระดับ ดูก็ดี ไม่ดูก็ได้จ้า
และยังย้ำอยู่ในใจว่า... คนไทยมีศักยภาพ มีคนดี creative เยอะ มีคนที่กล้าทุ่มเงิน มีโรงละครคุณภาพรองรับ มีนักแสดงที่ดี มีนักร้องที่เยี่ยม มีนักดนตรีรองรับ ถ้ามีบทที่ดีเสริม รับรองไปโลด
กินรีสีรุ้ง ผมว่า รุ่ง
และโดยรวมให้ 8 เต็ม 10 ครับ
(ตอนแรกว่าจะให้ 10 แต่กลัวหาว่าลำเอียง)

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องย่อ “Frozen” (Disney's) โฟรเซ่น - ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ” : จากมุมมองของผม หลังชม (review)

สไปร์ท ฮอร์โมน : ซ่าๆ ใสๆ (กินสไปร์ท ต้องใส่ถุง) : (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)

เต้ย ฮอร์โมน : ตำนานแห่งดอกกุหลาบที่ถูกสาป (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)