รีวิว เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี....นอกจากผี สิ่งที่เราทำ ก็หลอนเราได้

รูดม่านไปแล้วเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมากับละครฟอร์มเล็กประจำปี 2554 ของรัชดาลัย แม้ใช้นักแสดงไม่มีนักแสดงแม่เหล็ก แต่ด้วยธีมเรื่องผีๆที่ถูกจริต คนไทยทำให้กระแสตอบรับดีมากๆๆๆๆ จนกระทั่ง sold out หลายรอบติดต่อกัน ใจจริงก็เดาๆ ว่าทีมงานคงอยากจะเพิ่มรอบอีกแหละ แต่ติดสงกรานต์ (ที่คงไม่มีคน ไปดูแน่) และปัญหาเดิมๆ คือโรงละครคิวแน่น ต้องพักให้ Boxing Boy และ ทวิภพ เดอะมิวสิคัล บรรเลงเสร็จก่อน....... ซึ่งแว่วว่ากลางปีอาจจะกลับมา Re-Stage อีกครั้งครับ
อ่ะ...ไม่ว่าอย่างไร..วันที่ 10 รอบสุดท้ายนั้น น้องมอร์มีโอกาสได้ไปดู และขอเล่าสู่กันฟังว่า เรื่องหลอนๆ แบบเรื่องเล่าคืนเฝ้าผีนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ..กุ๊ก...กุ๊ก...กู๋
เล่าเรื่อง......

เรื่องเล่าคือนเฝ้าผี คือเรื่องสั้นเหตุการณ์เดียว (เกิดขึ้นในสถานที่เดียว ระยะเวลาเดียว) เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่ในคืนวันที่ 3 ของงานศพฝน (สาวผู้ตายอย่างปริศนา) ที่ซึ่งศพของเธอตั้งสวดอยู่ที่บ้านของเธอ การตายอย่างปริศนาและมีเงื่อนงำ ให้เพื่อนๆ ของฝนอยากทราบสาเหตุที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แทน(ภูริ) กิ๊กเก่ากระทั่งเดินทางมาเพื่อร่วมงานศพ และในคืนนั้น เอก(กาย) กำลังเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่อืมครึม ดาว(พิมพ์มาดา) พี่สาวของฝน คือผู้เดียวเท่านั้นที่ทราบว่าฝนตายด้วยสาเหตุใด อย่างไรก็ตามฝนเลือกที่จะ ไม่ยอมปริปากจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม........แล้วเมื่อไหร่ล่ะ.......????

แล้วเรื่องผีมันนมายังไง.....

ก็ท่ามกลางบทสนทนาเพื่อคลายปมการตายของฝน ตัวละคร 3 ตัวได้เล่าเรื่องผี...แบบหลอนๆ ขัดจังหวะ (ผีดีเจ / ผีห้องน้ำ / ผีทำแท้ง ) ..... จริงๆ มันก็คือชื่อเรื่องนี่เอง.. เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี บทละคร หลอนในระดับหนึ่งแบบกั๊กๆ ก็อย่างที่เล่าครับ บทละครถูกแบ่งออกเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกที่เป็นบทหลัก ของเรื่องคือปมการตายของฝน.... ที่ทำออกมาได้ในระดับปานกลาง เพราะเป็นถึง แกนหลักแต่เนื้อเรื่องกลับแบนราบเกินไป...ไม่มี layer หรือความซับซ้อนเท่าที่ควร ซึ่งน่าจะทำได้อีกนะครับ แต่บทของเรื่องเล่า...คือเรื่อง (ผีดีเจ / ผีห้องน้ำ / ผีทำแท้ง ) นั้นกลับทำ ได้วิเศษอลังการครับ มีความโดดเด่นกว่าเรื่องหลักเป็นไหนๆ ความโดดเด่นของ บทเรื่องเล่าคือการนำเรื่องเล่าผีๆ ที่เราได้ยินกันแต่ชาติปางก่อน มาเล่าเป็นเรื่องหลอนๆ ได้น่าสนใจ ไม่เท่านั้น ยังเป็นบทที่ส่งความสามารถนักแสดงได้ดีกว่าบทหลักเสียอีก หลายคนแอบติมาว่า ทำไมเรื่องเล่า กับเรื่องหลัก มันโดดอย่างชัดเจน จนกระทั่งจับอะไรไม่ได้ แตในมุมผม ผมว่าบทเรื่องมีความกลมมาก เรื่องหลักที่เป็นปม ของเรื่องก็ทำหน้าที่ดำเนินเรื่องไป ส่วนเรื่องเล่าที่มาจากตัวละครนั้น เป็นเหมือน ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ของฟลอนด์นะครับ คือตัวละครใช้เรื่องเล่า และสัญญะแทนการ สื่อสารแบบตรงไปตรงมา ถ้าดูในโรงคงยังมองไม่ออกหลอก แต่ว่าพอออกมาโรงแล้ว หมดความกลัวแล้ว จิตนิ่งบทละครเรื่องนี้จะผูกกันในจิตเราซะกลมกล่อมทีเดียว ไม่เชื่อลองคิดดูนะครับ (ไม่ขออธิบายระเอียดเพราะ ถ้าไม่ดูพูดให้ตายก็ไม่เข้าใจชิส์)


เรื่องหลอนกำลังจะบอกอะไร

ประเด็นการสื่อสารของเรื่องนี้ คงไม่ใช่เรื่องผีหลอก การโผล่มาหลอกแบร่ มันคือสีสัน และรสชาติที่เคลืบให้อร่อยเด็ด แต่ภายใต้สิ่งเหล่านั้นคือประเด็น ที่แหลมคม นั่นคือ การตั้งคำถามกับคนดูว่า “การกระของเราเองนั่นแหละ คือผี ที่คอยหลอกหลอนเรา” (ประเด็นนี้สังเคราะห์ได้จากการชมครับ ส่วนคนอื่น อ่านตีความเป็นประเด็นอื่น ไม่ว่ากัน)


นักแสดงหลอนแค่ไหน.........

ไม่งงหรอกว่าทำไมเรื่องนี้ซีเนริโอ ไม่ได้ใช้ดาราแม่เหล็ก เพราะบทของ part งานศพไม่ได้มีอะไรหนักหนา... แต่ก็ใช้ว่านักแสดงหลักอย่าง พิมพ์ / ภูริ / กาย จะไม่เก่งนะ ทั้งหมดดำเนินเรื่องได้อย่างดีครับ ส่วนนักแสดงที่ทำได้ดีเกินคาด กลับกลายเป็น Part เรื่องเล่า ที่ทำได้ดีเกินคาดนะครับ ด้วยบทที่ส่ง และความสามารถ ที่ดำเล่นบทนั้นซะอยู่ ต้องปรบมือให้กับการดำเนินเรื่องเกือบ 20 นาทีของ ฟลอยด์ และการโซโลผี ของเซ็น ครับ


ฉากหลอนได้ใจ.......

ฉากเรื่องนี้มีฉากหลักๆ อยู่1 ฉาก คือฉากบ้านของฝน และมีฉากที่เป็นเรื่องเล่า อีก 3 ฉาก คือ Studio จัดรายการวิทยุ / ห้องน้ำ / ห้องทำแท้ง ซึ่งฉากเน้นความ สมจริงแต่ทำให้ดูมิติได้ดีครับ นับเป็นความฉลาดเรื่อง Art Direction ของคุณศศวัต (และทำให้ฉากละครของรัชดาลัย สวยงามไร้ที่ติเสมอ...) ด้านเทคนิคการเปลี่ยนฉากเป็นสิ่งที่ประทับใจมากครับ ธรรมดาของ ละครรัชดาลัยเท่าที่ผ่านมาจะเน้นเปลี่ยนฉากแบบฟึบฟั่บ ยกขึ้นห้อยลง เก็บเข้า ด้านหลัง โผล่มาด้านข้าง แบบตื่นตาตื่นใจ คราวนี้การเปลี่ยนฉากก็คงทำแบบนั้น แต่ด้วยความเป็นละครผี ที่ไม่อยากให้คนอารมณ์สะดุดไปสนใจการเปลี่ยน ฉากจนทำให้ละครทั้งเรื่องกระท่อนกระแท่น.... การเปลี่ยนฉากคราวนี้จึงเน้นการดับไฟ ให้มืดสนิท และเคลือบด้วย Sound หลอน....... การทำแบบนี้กลับเป็นเพิ่มอรรถรส ให้หลอนได้อีก เพราะการดับไฟ และใช้ Sound ทำให้ผู้ชมสงสัยและเกิดจินตนาการว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นวะ อะไรจะโผล่มาวะ..... เรียกว่าระหว่างเปลี่ยนฉาก ก็ใช้จินตนาการ ผู้ชมนี่แหละเพิ่มเสน่ห์ให้ละครได้สมบูรณ์แบบและฉลาด


เสียง หลอนได้อีก......

ต้องลุกขึ้นปรบมือให้กับทีมออกแบบเสียงที่ทำได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติครับ ออกแบบเสียง เร็ว สั้น ยาว หนัก เบา ทำหน้าที่ได้ทั้งปูอารมณ์ของเรื่องแต่ละเรื่อง เน้นจุดหลอนได้วิเศษครับ เทคนิคหลอนตัวพ่อ... แม้เทคนิคพิเศษของเรื่องเล่าคืนเฝ้าผีจะไม่แปลกใหม่มาก เพราะเทคนิค การโผล่ การหาย การล่วงหล่น การสว่าง การมืด การบังเกิดขึ้นได้เอง ทั้งหมดนี้ เคยเห็นมาแล้วในแม่นาคฯ เวอร์ชั่นรัชดาลัยที่ทำได้ดีมากเสียด้วย แม้จะไม่ใช้เทคนิคแปลกใหม่ แต่ต้องให้โล่ห์กับผู้ออกแบบเทคนิคพิเศษครับ เพราะการออกแบบใหม่เหมาะกับแต่ละสถานการณ์ ความสวยงามที่มาพร้อม ความหลอน และจังหวะที่โคตรเป๊ะของฝ่ายฉาก เสียง แสง และการนักแสดง นั้นทำให้ความหลอนเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เรียกเสียงกรี๊ดลั่นโรง สะดุ้งโหยงได้ไม่ยากเลย ที่แปลกคือ เทคนิคความเป็น 4มิติที่โปรโมทนักหนา... และก็เฉลยออกมาได้ว่าเป็น

เทคนิคเรื่องกลิ่น ซึ่งรู้ก่อนเข้าโรงว่าเป็นกลิ่นดอกไม้จัน แต่ทั้งที่รู้การมาของกลิ่น และการปูเรื่อง มันทำให้การที่เรารู้แล้วไม่มีผลกระทบอะไรในแง่เฉลยเรื่องเลยครับ..... แต่ที่ชอบคือมีอีกกลิ่นนึงแถมมา แบบไม่รู้ตัวในเรื่องหนึ่ง ซึ่ง อิอิ อันนี้ชอบ.......... นับเป็นความช่างคิดของทีมสร้างครับ ที่สำคัญ ประหลาดมาก... แม้เทคนิคหลอนจะเยอะเรียกได้ว่ายัดมาเต็มเรื่อง แต่ก็ไม่ทำให้คนดูเบื่อ


อื่นๆ ไม่ค่อยหลอนเพราะฟอร์มเล็ก

เพราะเป็นละครฟอร์มเล็ก งบ Production ต่างๆ ก็น้อย เลยทำให้บรรยากาศรอบๆ โรงละครไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ จากที่ต้องเปลี่ยนบานพับ และกรอบรูปฮอล ออฟ เฟรม เป็นภาพจากละคร เรื่องนี้กลับใช้สื่อสร้างบรรยากาศน้อย และของที่ระลึกก็น้อย ทำขายไม่มาก... แต่นี่ก็เป็นแค่เปลือกนอกครับ อย่าไปใส่ใจมาก.... ของจริงมันอยู่บนเวทีตะหาก


ภาพหลอนรวมๆ

เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี ยืนยันได้ว่าทีม production ของซีเนริโอ และรัชดาลัย เป็นทีม Production ที่มีคุณภาพมากๆๆๆๆๆๆ ที่สุดทีมหนึ่งของประเทศไทย.... ทั้งบทผีที่ถุกจริตคนไทย เทคนิค ฉากแสงสีเสียงที่สวยงาม หลอน และเป๊ะยิ่งมาเป๊ะ...ทำให้เรื่องนี้มันเด่น และขายได้ด้วยตัวของมันเอง เรียกว่ากลับมาที่จุดเดิมว่า นักแสดง เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของละครเรื่องนี้ และทุกองค์ประกอบลงตัวกันพอดีครับ กลมกล่อมและสะดุ้งตัวเกร็งแบบนี้ ยกให้ 9 เต็ม 10 ครับ (หัก 1 คะแนนในเรื่องบท part หลักครับ) นับเป็นสีสันของวงการละครเวทีเมืองไทยครับ ที่ผู้สร้างเจ้าต่างๆ ล้วนหา แนวทางแปลกใหม่มานำเสนอต่อผู้ชมชาวไทย หวังว่าเจ้าอื่นๆ คงสร้างสีสันออกมาบ้างอย่างต่อเนื่องนะครับ เมื่อมีเวที ผู้ชมก็พร้อมชมครับ


ปล. ที่สำคัญ อย่าหลอกคนดูนะครับ

...กุ๊ก....กุ๊ก...กู๋

ความคิดเห็น

  1. ขอให้ละครเรื่องนี้กลับมาRe-stageอีกครั้ง มีกระแสอยากดูอีกมาก

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องย่อ “Frozen” (Disney's) โฟรเซ่น - ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ” : จากมุมมองของผม หลังชม (review)

สไปร์ท ฮอร์โมน : ซ่าๆ ใสๆ (กินสไปร์ท ต้องใส่ถุง) : (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)

เต้ย ฮอร์โมน : ตำนานแห่งดอกกุหลาบที่ถูกสาป (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)