Morraget

ปี 2553 นี้นับเป็นปีวันกึ๋นของทีมละครเวทีซีเนริโอ โดยแท้ พร้อมเมื่อปลายปีที่โปรโมทว่าจะบรรเลง “เลือดขัตติยา เดอะมิวสิคัล” เล่นเอาคอละครตื่นเต้นไปพักใหญ่ ก็ต้องจ๋อยเพราะทีมงานแถลงขอพับโปรเจค เหตุเพราะคิวนักแสดงไม่ลงตัว แต่อย่างไรละครฟอร์มกลางอย่าง “กินรีสีรุ้ง” ก็บรรเลงขัดจังหวะฝนช่วงกลางปี แต่ว่ามีเหตุวุ่นวายทางการเมือง ทำให้บัตรไม่วิ่ง ต้องเลื่อนการแสดงไป 1 เดือน และทีมงานก็ทำงานแข่งกันเวลากันขวาขวิด และแน่นอน โปรเจคเสียบแทน “เลือดขัตติยา เดอะมิวสิคัล” ที่พับไป หวยก็มาออกที่ “หงส์เหนือมังกร เดอะมิวสิคัล” ในละคร 1 เรื่อง ใช้เวลาในการผลิต 7-8 เดือน คิดดูแล้วกันครับว่า จากวันเล่นรอบกาลาแล้วนับย้อนไป เวลาการผลิตจะบีบขี้แตกขนาดไหน เรียกว่าทีมงานถึงกับลิ้นห้อยก็ไม่ผิด เพราะไหนจะต้องดันกินรีเข้าโรงละคร และไหนจะต้องปั้น “หงส์” เวทีต่อ..... เรียกว่า “สัตว์ปีก” เต็มเวทีรัชดาลัยกันเลย ทั้งหงส์ ทั้งกินรี “หงส์เหนือมังกร เดอะมิวสิคัล” เป็นบทประพันธ์มาก่อนครับ โดยนามปากกา “ศิวนารถ” ตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารขวัญเรือน พศ.2536-2538 และบ้านวรรณกรรมนำมาตีพิมพ์รวมเล่มครั้งแรกปี 2538 จนวันนี้พิมพ์ครั้ง

เมื่อวันเสาร์ (ที่05 มิถุนายน 2553) ที่ผ่านมา ได้รับของที่ "อยากได้" และ "ไขว่ขว้า" มานาน นั่นคือ "CD อัลบั้ม Boyd-Nop"มาเป็นเจ้าของ ปลาบปลื้มเนื้อเต้นมาก ได้มาก็รีบแปลงร่างเป็น MP3 โยนเข้า iPodกะเก็บเอาไว้ฟังกลางคืน...เงียบๆ และในคืนนั้น ในขณะที่บอลโลกแตะอย่างเมามันส์ ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวาย ผมนั่งเสียบหูฟัง ฟัง "Boyd-Nop"และ Tweet ไว้ทาง Twitter ในนาม @Morraget ไว้ว่าในขณะฟังเพลงต่อเพลง ทำนองต่อทำนองนั้น ผมรู้สึกและคิดถึงเพลงนั้นอย่างไร วันนี้ (อาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2553 ) เวลาขณะเขียนบรรทัดนี้อยู่ที่ 20.29 น. จะขอ Copy ข้อความจาก tweet มาวางไว้ ถือเป็นการพูดถึงเพลงในอัลบั้มนี้ ให้ทุกคนได้อ่านนะครับ เพราะเข้าใจว่าบางคนไม่ได้ tweet เอาล่ะ พร้อมแล้ว Intro เริ่มครับ... บรรเลงโลด......! (ให้ได้อรรถรส กรุณาฟังไปที่ละเพลงและ อ่านไปที่ละเพลง นะครับ) #Boyd -Nop : มาแล้วครับ ความรู้สึกส่วนตัวที่ฟังอัลบั้มนี้ ตอนนี้เสียบ iPod อยู่ครับ....จะfeedback ทุกความรู้สึกของเพลงที่ฟังออกมาครับ 1 "away far so" #Boyd -Nop : "awa

เบื่อๆ ขอบอกว่าเปิดช่อง 7 แล้วเจอแต่ละครแย่ๆ ที่เล่าเรื่องเหมือนเมื่อ 20 กว่าปีก่อนตอนเด็กๆ คือเมื่อเด็กๆ ละครช่อง 7 เป็นไง เดี๋ยวนี้ก้ยังเป็นแบบนั้น เรียกว่าไม่พัฒนาก็ว่าได้ ทั้งเนื้อเรื่องที่ พูดแต่ จนๆ รวยๆ คนรวยต้องรวยๆ เว่อร์ๆ อยู่ในบ้านหรูหรา ตีผมโป่ง แต่งหน้าทาปากเวอร์ๆ พูดจาจีบปากจีบคอ ไม่ทราบว่ารวยจะอะไร คือรวยมาแต่เกิด มีเชื่อเจ้า ไม่รู้ว่าทำงานอะไร อยู่ๆ ก็มีกิน และพระเอกมีหน้าที่แค่ เข้าoffice และเซ็นเอกสาร (ต้องมุมนี้ ซบหน้ากะหมอนแล้วร้องไห้ ) และอีกฝั่ง อาจจะนางเอก ต้องแอ๊บจน ผมยาว น่าสงสาร สงบเงี่ยม และต้องดู "บ้านนอก บ้านนามาก" ทำตัวทะเล่อทะล่า ผิดปกติและดูปิดหูผิดตากับบรรยากาศในเมือง ที่สำคัญคือต้องมีฉาก สร้างวาทกรรม ระหว่าง "ผู้ดี" กับ "ไพร่" คือต้องมีฉากคือ คนต่างจังหวัด ไป คฤหาสถ์ของผู้ดี เอากะปิน้ำปลาไปฝาก ผู้ดีบ่นว่าเหม็น ทำหน้าตารังเกียจ "เห็นกลิ่นโคนสาปควายบ้าง" "ดูหมิ่นการแต่งตัวบ้าง" อีกฝั่งก็ใช้ความใสซื่อ นำเสนอ ต่อล้อต่อเถียง จนกลายเป็นเรื่องตลบขบขัน ขอบอกว่า ความแตกต

(ถ่าย ณ รัชดาลัย) รู้หรือไม่ ....! " La Cage Aux Folles" เคยเปิดแสดงที่เมืองไทยแล้ว ไม่ใช่ที่รัชดาลัย คราวนั้นคือ ดรีมบ๊อก เป็นผู้ผลิต คราวนั้นใช้ชื่อว่า "วิวาห์คาบาเร่ห์" แต่คราวนั้น เป็นการแอบเอาบทมาดัดแปลง(แอบเล่นไม่ถูกลิขสิทธิ์มั้ง) และไม่ได้ musical อะไร (ถ่าย ณ รัชดาลัย) แต่ปี 2553 เป็นการมาของ "LA CAGE AUX FOLLES" อีกครั้งที่รัชดาลัยในนาม "กินรีสีรุ้ง" ที่ครั้งนี้ Promote ว่า หรูหรา ฟู่ฟ่า musical แบบบอร์ดเวย์บนเวทีไทย...! ที่คราวนี้ ออกตัวแรงมาเต็ม ทั้งการซื้อลิขสิทธิ์เพลง และบทมาถูกต้อง การโปรโมทเต็มสูบ การพลิกบทของเจมส์ เรืองศักดิ์ มาเป็นอิสเบลล่า รวมทั้งเครดิตของทีมงานและัรัชดาลัย ทำให้ "LA CAGE AUX FOLLES" ละครเวทีชื่ออ่านยาก เป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืน...! (การตลาด งบ รสนิยม แนวงานที่ออกมา ต่างกันนะจ๊ะ ทั้ง 2 เจ้า) La Cage aux Folles ต้นกำเนิด บอร์ดเวย์ และต่างแดน La Cage aux Folles คืออะไร ขอเกริ่น ในปี 1973 เรื่องนี้เป็นละครพูด เปิดแสดงที่ฝรั่งเศสฟผู้กำกับคือ ตา Jean Poiret ซึงเปิดแสดงตั้ง 1800 รอบแหน่ะ.

"กัน" THE STAR 6 ความสามารถที่มาจากรากเหง้า "ไทย" ปฏิเสธไม่ได้ว่า "เดอะสตาร์6" นั้น เรตติ้งและกระแสแรงเกินคาด กว่าปีไหนๆ อาจด้วย ผู้เข้ารอบ 8 คน ที่เกือบเรียกได้ว่า เป็น "โรงเรียนชายล้วน" ที่หน้าตา "กินขาด" อีกทั้งความสามารถแต่ละคน รวมถึงประวัติเรียกว่า "ไม่ธรรมดา" และที่เรียกกระแสได้มาก คือ "ผู้หญิง" 2 สาวในรายการที่เป็นจุดขายได้หลายวีค ทั้ง เกรซ ที่ การร้องเพลง"ต่ำกว่า" มาตรฐานแต่ความกล้าและสู้ เต็มที่ เกตุ เงาของแก้มที่ทั้งกดดันและดิ้นรน แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ไปต่อในที่สุด เมื่อวันเสาร์ที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา การแข่งขันดำเนินมาถึงรอบ 3 คนสุดท้าย ด้วยโจทย์ MiniConcert คนละ 15 นาที MiniConcert ที่ว่ามีหลากหลายอารมณ์มากครับ แต่ที่จะพูดถึง คือ "กัน" เพรากระแส Realtime ใน "ทวิตภพ" นั้น แรงจริงๆ "กัน" คือผู้แข่งขันที่มาสู่เวทีนี้ปีที่ 2 ปีที่แล้วเขามาในมาดนักรักลูกกรุงแต่ไม่ได้เข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ปีนี้ (ปี6) กันฝึกฝนกับอีหนึ่งสไตล์คือ pop และทำให้เขาผ่านเข้ารอบมาในที่สุ