หมอก ฮอร์โมน : หมอกจางๆ ระหว่าง Focus กับ Blur (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)

ใน “ฮอร์โมน เดอะซีรีย์” มีตัวละครหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อว่า “หมอก”


หมอกอยู่ ม.5/1  และเป็นแก็งค์เดียวกับหนุ่มตัว Top อย่าง “วิน” และ หนุ่มนักกีตาร์อย่าง “ต้า”
อุปนิสัยแล้ว หมอก ดูเหมือนจะเป็น “ผู้รู้” ที่สุดในกลุ่ม มักเข้าใจเพื่อนๆ มีคำพูดคมๆ โดนๆ เข้ากับสถานการณ์ และเป็นที่พึ่งพิงกับเพื่อนได้อยู่เสมอ
รวมถึงงานอดิเรก ที่หมอกแสดงออกอย่างชัดเจนว่าตนเอง “รักการถ่ายภาพ”... เขาพกกล้องไปด้วยทุกที และถ่ายภาพทุกอย่างที่น่าสนใจ (ไม่ใช่แค่
Object   แต่รวมถึง Moment ของคนด้วย...) เขามีสายตาแห่งการแสวงหาความงามของทุกอย่าง.... รวมถึงเขาจะ “ติดหูฟัง ฟังเพลงอยู่เสมอ”  ชอบดูหนัง(โดยเฉพาะหนังที่ไม่ Mass อย่าง perk of being a wall flower)  “ชอบอ่านหนังสือ” (ที่ดูยากๆ หรือที่ถูกทำเป็นหนัง) และมีความฝันที่ชัดเจนว่า “ตัวเองต้องเรียน นิเทศศาสตร์”
ดังนั้นภาพจำของ “หมอก” คือผู้ชายที่หูเสียบหูฟัง คอคล้องกล้องถ่ายภาพ


ดูเผินๆ ตัวละคร “หมอก” เป็นอาจไม่ใช่ละครที่มีปัญหา แต่เปล่าเลย...เพราะในทางกลับกัน หมอกมีองค์หนึ่งที่ซ่อนอยู่
นั่นคือ “หมอก” เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวของตัวเองสูง เพราะเวลาที่เขาไม่อยู่กับกลุ่มเพื่อน ต่อจะเสียบหูฟังตลอด...การเสียบหูฟัง แสดงออกได้ถึงสัญญะแห่งการ “ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก และการดำดิ่งอยู่กับตนเอง”


ประเด็นสำคัญคือ “หมอก” ไม่ถูกกับพ่อ... (อาจจะไม่ได้เกลียดพ่อนะ...แต่มีบางอย่างที่กั้นทั้ง
2 ไว้) ซึ่งประเด็นใหญ่ๆ คือ ประเด็นที่พ่ออยากให้หมอกเรียนบัญชี ซึ่งทำให้ทั้งสองมีปากเสียงกันหลายครั้ง และที่ลืมไม่ได้คือปมที่ หมอกนั้นอยู่ในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แม่ของหมอกตายตั้งแต่เขายังเด็ก...แต่ไม่รู้ว่าพ่อ ล้มเหลวในชีวิตเรื่องอะไร)
ซึ่งส่งผลให้หมอกเหมือนมีเรื่องให้คิด เก็บตัว อยู่ตลอดเวลา และมีโลกส่วนตัวสูง



 “หมอกมีความ Focus มากในมุมหนึ่ง(แง่ของเพื่อน และความฝันของตน) แต่มีความ Blur  สุดขั้วในแง่การบริหารความสัมพันธ์กับคนรอบตัว  กล่าวโดยสรุปคือ “หมอก” มีบุคลิกสมชื่อ คือชัดเจนจนเห็นเป็นหมอก ขณะเดียวกัน ก็บางจนเหมือนไม่มีตัวตน”
และฉากที่สะท้อนบุคลิกของหมอกได้ดีที่สุด คือ ฉากเปิดโลกกิจกรรมใน
EP.2 โดพามีน (Dopamine) ฮอร์โมนหนึ่งมิตรชิดใกล้”
ขณะที่ทุกคนต่างอยู่กับกลุ่มเพื่อน และทำกิจกรรมที่ตนสนใจ หมอกกลับแยกตัวเองออกมา ด้วยการใส่   Mascot ช้างสีชมพู เดินไปทั่วงาน เพื่อถ่ายภาพของทุกคนในงาน... สุดท้ายจบลงโดยที่เพื่อนๆ มีความสุขกับตัว Mascot แต่ก็ไม่รู้ว่า “ใครแต่งเป็นช้าง” ขณะที่หมอก ก็มา “นั่งภาคภูมิใจในปฏิบัติงานของตนแบบเหงาๆ”

ใน EP.4 เซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมนแห่งความสงบ” นับเป็นตอนที่ได้ Focus หมอกแบบเจาะสุดๆ
และได้เห็นอีกมิติหนึ่ง ที่ดูเหมือนเป็นจุดย้ำภาพของหมอกให้ชัดเจนขึ้น และถือเป็นจุดเปลี่ยนของตัวละครนี้ อีกจุดหนึ่งเหมือนกัน
เส้นเรื่องของตนนี้ Focus ไปที่ด้าน “Blur   หมอกที่ไม่เคยพูดถึงในตอนใด นั่นคือ ความสัมพันธ์ระหว่าง “หมอก กับ พ่อ” และ “หมอก กับ มิ้น”

เรื่องของความสัมพันธ์ พ่อลูก คงมีปมมาจาก ชีวิตของพ่อหมอกอาจล้มเหลวมาด้วยส่วนหนึ่ง (เดาว่าหมายถึงชีวิตครอบครัว)  ทำให้หมอกมีอุปนิสัยในเชิง “ปัจเจก” ไปหน่อย คือมีความคิด ความเชื่อของตนที่แข็งแรงมาก แข็งแรงพอที่จะพาชีวิตตัวเองไปได้อย่างแน่วแน่...ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ คงมีความเชื่ออยู่ลึกๆ แหละว่า ถ้าเอาใครเป็นแบบไม่ได้ ก็ต้องทำตัวให้เป็นแบบให้ได้ ( เห็นได้จากหมอกนั้น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับน้องมาก และน้องก็เห็นหมอกเป็นพี่ที่ดี ด้วยเช่นกัน.... สนับสนุนด้วยการที่หมอกมักเป็นที่พึ่งของเพื่อนๆ เสมอ ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว


เรื่องของหัวใจนั้น “หมอก” กำลังคบหากับ “มิ้น” เด็กสาวต่างโรงเรียน  แต่เป็นการคบการอย่างไรหลักฐานมาก...
จนเพื่อนๆ แซวกันว่า “ไม่เคยเห็นเลย... เป็นแฟนในจินตนาการมึงเป่าเนี่ย”
ดูภายนอก หมอก ดูเป็นแฟนที่ทำตัวดีทุกอย่างในฐานะแฟนคนนึงพึงกระทำ เช่น การนัดเจอกันบ่อยๆ
/ การไม่เอาเพื่อนมายุ่งกับเวลาของแฟน / หรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการตั้ง Wallpaper หน้าจอคอมตัวเองเป็นรูปแฟน


การวางตัวในฐานะ “แฟน” ของหมอกนั้นไม่ค่อยดีนัก เพราะหมอกคือบุคลลประเภทที่ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงเกลียด จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง “หมอก และ มิ้น” นั้นลุ่มๆ ดอนๆ อย่างที่สุด  และพฤติกรรมต้องห้ามที่หมอกปฏิบัติต่อมิ้นได้แก่
-  ลืมนัด /   นัดแล้วมาช้ากว่าที่นัด / นัดแล้วต้องให้โทรตาม
-   มีอะไรไม่เล่าให้ฟัง /   ไม่เปิดใจ / มีโลกส่วนตัวที่ฝ่ายหญิงเข้าไม่ถึง
-  ส่ง line ไปไม่ตอบ
-  ไม่สม่ำเสมอ /   ผีเข้า ผีออก
-   ดูเหมือนไม่ใส่ใจ
-  เป็นที่ปรึกษาไม่ได้ ในยามทุกข์ร้อน 
- ฯลฯ


                ปมเด่นของหมอก น่าจะอยู่ที่ “การไม่รู้จะบริหารความสัมพันธ์อย่างไร โดยเฉพาะในฐานะแฟน” คาดว่าน่าจะมาจากจุดลึก ที่หมอกไม่ได้มีความสัมพันธ์และการแสดงความรักกับเพศหญิงเช่นแม่ และในการอบรมเลี้ยงดู ก็ไม่ได้เห็นตัวอย่างจากพ่อแม่ที่แสดงออกซึ่งกันและกัน และไม่รู้จะเรียนรู้และลอกเลียนแบบจากไหน...มากกว่าที่หมอกจะจงใจละเลยมิ้น... (อีกนัยคือมิ้นอาจจะเป็นแฟนคนแรกของหมอก ที่ซึ่งซวยไป เพราะหมอกยังไม่มีประสบการณ์ที่จะรักใคร ก็เลยออกมาแบบผีเข้า ผีออกแบบนี้)

                ใช่ว่าหมอกนั้นจะไม่รักมิ้น เพราะเท่าที่หมอกแสดงออกนั้นก็เรียกว่าตามประสาคนรักกัน เพราะในตอนที่ “ต้า” คิดวิธีที่จะง้อ “เต้ย” หมอกเองก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีคดีติดตัวที่นัดดูหนังแล้วมาสาย
30   นาที...ถึงขั้นนั่งขับมอเตอร์ไซท์ ไปง้อสาวถึงหน้าบ้านทีเดียว....

                แต่อะไรรู้ไหม..ความหวาน ความรักของต่อที่มอบให้กับมิ้นนั้น ที่มีปัญหาคือความไม่สม่ำเสมอนี่แหละ ทำให้ความสัมพันธ์นั้นยากที่จะก้าวหน้ามากไปกว่านี้ และเมื่อสะสมมากๆ เข้า ในวันที่ทั้ง
2 นัดดูหนังเรื่อง  “Looper” ครั้งที่2 ... มิ้มสงสัยในความสัมพันธ์ที่มี เพราะนอกจากเธอจะรู้สึกไม่มีตัวตนในโลกของหมอก บวกกับอารมณ์ “พอกันที” กับความผีเข้าผีออกของ “หมอก” เพราะขนาดที่มิ้มกำลังพูดจาแบบเปิดใจ...หมอกกับไปสนใจ และหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป ......มันใช่ไหมล่ะ....

มิ้น : การมาดูหนังด้วยกับของหมอกคืออะไร
หมอก
: ก็..ดูหนังไง!
มิน  
: แต่สำหรับเรา ที่เรามาดูหนังกับหมอก  ก็เพราะว่าเราอยากอยู่ใกล้ๆ หมอก
          อยากใช้เวลาร่วมกันกับหมอก  เรามาเดทกันนะหมอก ไม่ใช่ต่างคนต่างมาแล้วก็แยกย้ายกันไป


แม้มิ้มจะพูดประโยคนี้ออกมาจากใจทั้งหมด ก็ดูเหมือนมันหมอกจะยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก เพราะอาจจะยังไม่ได้ทบทวนการกระทำของตนทั้งหมดที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ปมความขัดแย้งระหว่างหมอกและพ่อ ก็คลี่คลาย เพราะหมอกได้ทบทวนการกระทำของตน ว่าพูดไม่ดีกับพ่อไว้ และเป็นฝ่ายที่กล่าวขอโทษ ...และพ่อเองก็ได้ทบทวนเรื่องราว และเลือกจะให้ลูกเลือกทางเดินที่มีอิสระ
ท้ายที่สุด ความเฉียบคมในการนำเสนอของชีวิต “หมอก” ใน EP.4 เซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมนแห่งความสงบ” ได้ถูกดึงเอาหัวใจของเรื่องมาช่วยเล่าเรื่องด้วย... ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ “perk of being a wall flower” หนังวัยรุ่นที่มีความแตกต่าง เพราะขณะที่หนังวัยรุ่นเรื่องอื่นๆ เน้นแสดงถึงการ “ค้นพบตัวตน”...แต่ perk of being a wall flower”ตัวละครกลับต้องมานั่งวิเคราะห์ตัวตน... คงเหมือนกับหมอกที่ “ตัวตน” นั้นชัดเจนมากอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีบ้าง ที่ต้องกลับมา “วิเคราะห์ตัวเอง”... และหมอกก็ได้พบแล้ว โดยเฉพาะตอนท้ายเรื่อง ที่ตัวเองต้องเข้าไปดูหนังเรื่อง perk of being a wall flower” เป็นครั้งที่ 2

และพบว่า "บางอย่าง ตัวเองก็ถูกต้องจนชัดเจน และบางอย่างก็พลาด โดยชัดเจน"

“หมอก ได้ทบทวนตัวเอง ในหลายๆ ด้านในเหตุการณ์ใน EP.4   และได้บทเรียนมากมายในชีวิต  ในช่วงวัยรุ่นเองที่ใครๆ ต่างก็พูดว่าเป็นช่วง “หัวเลี้ยวหัวต่อ” ดังนั้นการ “ทบทวน” ตัวเองบ่อยๆ เพื่อให้จะได้ไม่ทำอะไรพลาดไปนั้น ก็เป็นเรื่องที่ดี... และกระทั่งผู้ใหญ่เองก็ตาม....ลองหาเวลาเงียบๆ คุยกับตัวเองบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย...


และก่อนกดชัตเตอร์...เรามีเวลาจัดเฟรมภาพ จงเลือก จงปรับ Focus ให้ดีที่สุด.
เพื่อให้ได้ภาพที่เลือกแล้ว และไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ




ความคิดเห็น

  1. ชอบบทความนี้มากครับ
    ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบตัวละครตัวนี้ (มาก)
    อาจเพราะมีอะไรคล้ายๆ กับตัวผมหลายๆ อย่าง
    ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ รวมไปถึง นิสัย บางอย่าง

    ขอบคุณสำหรับบทความครับ
    ผมคงต้องกลับไปทบทวนตัวเองบ้างแล้ว
    เพราะบางครั้ง ผมสามารถช่วยเพื่อนให้อะไรๆหลายอย่างคลี่คลายลง
    แต่กลับไม่ค่อยรู้วิธีจัดการกับตัวเอง คล้ายกับที่คุณวิเคราะห์

    ..หมอก

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณที่ชอบครับ

      และเป็นกำลังใจให้ครับ...
      ขอให้โชคดีครับ ^^

      ลบ
  2. หมอกเป็นตัวละครที่เราชอบที่สุดในเรื่องเลยค่ะ และพอได้มาบทความนี้ทำให้เรารู้จักหมอกในอีกมุมที่ไม่เคยคิดมาก่อน และทำให้คิดว่าเรามีหลายอย่างที่เหมือนหมอกมาก... เรามีความสุขที่อยู่โลกส่วนตัว แต่ในเวลาเดียวกันกลับเหงาที่ไม่มีใครยืนเคียงข้าง หลายครั้งเราก็สับสนกับตัวเองที่เป็นแบบนั้น แต่ขอบคุณคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ที่ให้เรา ย้ิอนมองตัวเอง มากขึ้น...และดีใจจริงๆที่ได้บทความที่โดนใจเรามากขนาดนี้ ^ ^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอบช้าไปหน่อย ขอโทษนะครัชชชชชชชช
      จะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเรามีความสุข คนข้างไม่เดือนร้อน
      ก็โอเคแล้ว

      โลกนี้ต้องมีคนอย่างหมอกไว้บ้าง ^^

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องย่อ “Frozen” (Disney's) โฟรเซ่น - ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ” : จากมุมมองของผม หลังชม (review)

สไปร์ท ฮอร์โมน : ซ่าๆ ใสๆ (กินสไปร์ท ต้องใส่ถุง) : (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)

เต้ย ฮอร์โมน : ตำนานแห่งดอกกุหลาบที่ถูกสาป (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)