ใช้ ใจ จับ < ใน > รัก จับ ใจ

          นักจิตวิทยาเคยพูดเอาไว้ว่า หากเราเผชิญตัวเลือก ที่ต้องตัดสินระหว่างของ 2 สิ่ง ที่ดีเท่ากันทั้งคู่ (เช่น เลือกคณะเรียนต่อ เลือกที่ทำงาน กระทั่งเลือกแฟน) คิดหาเหตุผลอย่างไรก็กินกันไม่ลง... เมื่อถึงจุดนั้น เท่ากับเราให้สมองไตร่ตรองมาสุดทางแล้ว...ขอจงหยุดใช้สมอง...เพราะมันไม่ได้ผล....แต่ให้หันมาใช้ “ใจ” ในการตัดสิน....ลองดูว่าเราชอบอันไหนมากกว่ากัน เราอยู่กันอันไหนแล้ว สบายใจ มีความสุข ก็ให้ซื่อสัตย์กับใจ แล้วเลือกสิ่งนั้น...... “รักจับใจ” กำลังสื่อสารประเด็นนี้กับผู้ชมว่า บางทีสัญชาตญาณมนุษย์เบื้องต้นที่สุด เช่น ความรู้สึกด้านจิตใจ กลับถูกละเลยและบดบังด้วยตรรกะ เหตุผล หรือการเชื่อสิ่งที่เราเห็น ได้ยิน สัมผัส จนเกิดอคติ ก่อนที่จะได้รู้ความเป็นจริงที่จริงแท้....

            ผมมีโอกาสได้ดู “รัก จับ ใจ” เดอะ โรแมนติก มิวสิคัลเรื่องนี้ 2 ครั้ง ซึ่งยอมรับว่า ครั้งแรกที่ผมดู ผมใช้ “สมอง” ในการชม... ซึ่งเมื่อดูจบ ผมผิดหวังกับมิวสิคัลเรื่องนี้มาก..​.​(ถึงขั้นบอกต่อทุกคนว่า อย่าไปดูเลย) 
การดูครั้งแรกของผม ผมจับประเด็นการสื่อสารที่อยากให้ผู้ชม “ใช้ใจจับ” ในการชม และเมื่อเวลาผ่านไป
เดือนกว่า ผมต้องไปดูอีก 1 รอบ (เป็นรอบที่ผมจองตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว) ผมตั้งใจว่า รอบที่2นี้ ผมจะลอง “ใช้ใจชม”….ซึ่งผลปรากฏตรงกันข้ามกับการชมครั้งแรก….ทั้งที่เป็นเรื่องเดิม การแสดงเดิม รู้เรื่องหมดแล้ว… แต่ผลจากการใช้ใจจับ ในการชม ผมเห็นความงามของละครเรื่องนี้ เป็นความงาม ความสนุกที่ ไม่ได้สัมผัส ในครั้งแรก… 

            อย่างไรก็ตาม…การเขียนถึง มิวสิคัลเรื่องนี้ ผมขอเขียนด้วย “ใจ” และ “สมอง” ไปพร้อมๆ กันนะครับ
และนี่คือความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะผู้ชมมิวสิคัลคนหนึ่งครับ เหล่าแฟนคลับบี้ หนูนา แก้ม ฯลฯ อย่ามาดราม่าใส่ผมนะครับ  วงการละครเวทีมันจะไปไกลได้ด้วย เสียงวิจารณ์ที่ “ติ เพื่อ ก่อ” ครับ….


            รักจับใจ เดอะโรแมนติก มิวสิคัล... เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่าง “ซัน” ซุปเปอร์สตาร์เอเชีย ที่มีข่าว เจ้าชู้มาก ที่ไปหลงรัก สาวตาบอดจากอุบัติเหตุอย่าง “วิว” แม้วิวไม่เคยเห็นหน้าซันเลยก็ตาม แต่ข่าวฉาวของเขา ทำให้วิวเกลียดซันมาก ซันจึงต้องโกหกว่าตนเองเป็น “เหนือ” ทั้งคู่เริ่มสามสัมพันธ์กันอย่างราบลื่น กระทั่งวันหนึ่งวิวผ่าตัดตาและกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง และต้องมาทำให้กับซัน ซึ่งแม้ เหนือ คนที่เธอรัก กับ วัน คนที่เธอเกลียด จะเป็นคนเดียวกัน นิสัยใจคน เหมือนกัน แต่ไม่น่าเชื่อว่าการมองเห็นของ “วิว” ได้ทำลาย “การรับรู้ทางใจ” ของวิวหมดสิ้น.... (เล่าเท่านี้แหละ)

            โดยส่วนตัวผมชอบประเด็นการสื่อสารของเรื่องครับ เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เราอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ แต่การนำเสนอประเด็นนี้ในละครผมว่ายังไม่เด่นชัดเท่าที่ควร มันมีคอมเมดี้และ Sub Themeอื่นๆ  (เช่นการเชื่อในความฝัน อะไรต่างๆ ) เขามาเสริมจำนวนมาก ทำให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปกับ “สิ่งเคลือบ” รอบนอกกลบกลืนแก่นที่วิเศษของละครเรื่องนี้ไว้...แต่หากคุณใช้ใจจับละครเรื่องนี้ คุณจะรับรู้แก่นของละครเรื่องนี้อยู่นะครับ

            บทบาทของนักแสดงที่ได้รับแต่ละครก็ไม่ได้ไกลตัวกับนักแสดงมาเกินไปครับ ทำให้ไม่ได้เห็นความแปลกใหม่ในการเปลี่ยนบทบาทของนักแสดงเท่าไหร่นัก เช่น “ซัน” ก็คือ “บี้” แต่เป็นบี้ที่เพิ่มความเจ้าชู้เข้าไป บี้ที่เพิ่มความมีชื่อเสียงเข้า “หนูนา” โดยส่วนตัวเชื่อว่ามีพื้นฐานจิตใจและการมองโลกที่ดีเท่ากับตัวละคร “วิว”  “แก้ม” ก็แสดงเป็นพี่ (ซึ่งจริงๆ เธอก็เป็นพี่อยู่แล้ว” แต่เพิ่มผมเรื่องความรักคุดเข้าไป “พินต้า” เล่นเป็นเด็กที่ชอบร้องเพลง ซึ่งก็คือตัวตนของเธอ อาจเพิ่มความแก่นแก้วเข้าไปเป็นสีสันบ้าง...​กล่าวโดยสรุปคือ ตัวนักแสดงเดิม เพิ่มสีสัน


            สำหรับผู้ที่ บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล มาก่อนจะพบว่า เคมีของบี้ และหนูนาค่อนข้างเหมาะกันมาก คราวที่แล้วมาในบทของเด็กๆ ทั้งคู่ มาคราวนี้รับบทเด่นเต็มตัว และได้แสดงความสามารถสุดฤทธิ์ บี้นั้นเรื่องความสามารถนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาพิสูจน์มาแล้วทั้งมิวสิคัล ละคร Concert และ หนูนาก็ใช่ย่อย ทั้งหนัง ละคร มิวสิคัลก็ผ่านมาแล้วเช่นกัน และหนูนาน่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เพราะด้วยเสียงใสทรงพลังเธอ บวกกับความสามารถทางการแสดง เราก็คงจะได้เห็นเธอในมิวสิคัลเรื่องต่อๆ ไปของรัชดาลัยแน่นอน (แอบลุ้น)

            คราวแรกที่มีข่าวโปรโมทว่า มิวสิคัล เรื่อง รักจับใจ จะออกมาในแนว “โรแมนติค คอมเมดี้” ผมก็นึกถึงอารมณ์ของเรื่อง “Promises, Promises” หรือ “Hair Spray” ทันที และนึกไปว่า เรื่องนี้คงทำได้ขนาดนั้นที่ตลกด้วยพลอตเรื่อง สนุกด้วยโครงสร้าง โรแมนติกด้วยสถานการณ์ แต่เปล่าเลย ละครเรื่องนี้ไม่ได้ “โรแมนติค” ขนาดนั้นสักหน่อย และที่คอมเมดี้ ก็ไม่ได้คอมเมดี้ด้วยพลอตเรื่อง แต่เป็นมุขตลกด้วยคำพูดในบทแนวซิทคอมมากกว่า โดยรวมผมว่ามันถูกสร้างออกมาให้เป็นละครดราม่าอ่อนๆ มากกว่า และเติมความ “ขำขำ” เข้าไปเพื่อไม่ให้คนดูเครียดมากจนเกินไป  (จุดนี้ให้สอบไม่ผ่านในการพาเรื่องไปไม่ถึงความโรแมนติค และคอมเมดี้)

            Mood&Tone ของมิวสิคัลเรื่องนี้ ได้อารมณ์ “ละคร In Concert”  รับรู้ได้จาก การพยายามลดทอนความเป็นละครเวทีออกไปด้วยการไม่มีม่านเปิดปิดบนเวที                  ( ที่เป็นสัญลักษณ์ของละครเวที) หรือรูปแบบการจัดไปก่อนเริ่มแสดง ลักษณะเวทีที่คล้ายเวที Concert.. และที่สำคัญฉากในเรื่องกว่า 50% เป็นฉาก Concert ซึ่งสมมุติให้ผู้ชมละครเป็นผู้ชม Concert ด้วยในฉากนั้นๆ

เท่าที่พูดคุยกับผู้ชมทั่วไป พวกเขารู้สึกว่าไปดู Concert ที่มีละครเวทีอยู่ข้างในมากกว่า (เหมือนดูแบบเบริ์ดเบริ์ด เวชั่นละครเพลง อะไรแบบนั้น) ซึ่งถ้าความตั้งใจของผู้จัดอยากให้ละครเพลงออกมาดู Entertain ในแบบนี้ก็ถือว่าสอบผ่านครับ... ถือเป็นละครเวทีอีกรูปแบบหนึ่งที่มีการผสมผสานทำให้ดูง่าย และเพลินเพื่อความบันเทิงได้ดี

            สิ่งหนึ่งที่สนับสนุนความเป็น Concert มากกว่าละคร คือเราเห็นการนำเสนอละครเรื่องนี้ในรูปแบบและเทคนิคของ Concert พอสมควร เช่นการจัดและเล่นไฟ การใช้เทคนิคเสริมในฉากต่างๆ ทั้ง Smoke ฟองสบู่ กระดาษ สำหรับแฟนคลับของพี่บี้ก็คงเพลินเพลิน ไปกับรูปแบบการนำเสนอที่เพ้อฝันสุดทาง(เพื่อสนองความโรแมนติค) ได้เป็นอย่างดี .....

            ความคิดครบรอบด้านของคุณบอย ทำให้ละครเพลงของค่ายซีเนริโอ และรัชดาลัยมีที่ยืนอันแข็งแรงในปัจจุบันนี้ เรื่องนี้ก็ยังคงตอกย้ำ “ความเป็นระบบ ความคิดมาดีแล้ว และการวางแผนล่วงหน้า การคิดครบ ทั้งในโรงนอกโรง” ของคุณบอยและทีมงานอย่างชัดเจน  ซึ่งคนก็ร้องได้และรู้จักเพลงนี้มาก่อนดูละคร...และเพลง ณ บัดนาว เป็นเพลงเด่นในละครด้วย และถูกสมมุติว่าเป็นเพลงฮิต ของนักร้อง “ซัน” ในเรื่อง การใช้เพลง ณ บัดนาว กับบท “ซัน” และบรรจุในฉากที่ซันเล่น Concert ทำให้เกิดความสมจริงและแน่นในความรู้สึกของผู้ชมให้เชื่อว่า ซัน คือนักร้องที่ดังจริงๆ มีเพลงฮิตจริงๆ ก็เพราะเพลง ณ บัดนาวที่เล่นบนเวทีนั้น ฉันก็ร้องได้นี่หว่า คนดูก็พร้อมจะมันส์ไปกับละครได้ โดยปราศจากข้อสงสัยในเพลง และในชื่อเสียงที่สมมุติขึ้น ไว้ในเรื่อง

            มิวสิคัลเรื่องนี้ เกิดขึ้นใน พศ.นี้ เพลงที่ใช้ที่คุณบอยบอกตามสื่อต่างๆ ก็คือเพลงสมัยนี้แหละ เราจึงได้ยินเพลงป๊อป (จ๋าๆ) แร๊ป ฮิปฮอป ที่คุ้นหูในปัจจุบันในมิวสิคัลเรื่องนี้ ผลดีคือเป็นท่วงทำนองที่ฟังง่าย เข้าใจง่าย บวกกับความชำนาญด้านการสร้างความเป็น “เมโลดิก”​(ท่วงทำนอที่จำง่าย) ของค่ายรัชดาลัย ทำให้เพลงมีความไพเราะ ฟังลื่น ง่าย และเหมาะสำหรับเป็นเพลงติดชาร์ทนอกโรงละครได้….​และแม้จะเป็นเพลงป๊อปมากๆ แต่การเรียบเรียง ยังเน้นการเรียบเรียง และให้น้ำหนักกับการเป็นเพลงเพื่อ “มิวสิคัล” อยู่ดี ( อ้าว..ก็มันเกิดมาเพื่อเป็นเพลงมิวสิคัลนี่นา???)

            ด้านฉากในมิวสิคัลเรื่องนี้ ก็ไม่ได้เสนอ “ตีบ” แบบมีมิติเหมือนกับฉากที่รัชดามักทำขึ้น โดยฉากในเรื่องนี้  เด่นที่การทำพื้นเวทีให้เป็น 2 ชั้น เพื่อ เหมาะกับการกลายร่างเป็น “เวทีConcert” และ การสนับสนุน พล็อคเรื่อง ที่มักจับแยกพระเอก กับนางเอก ให้อยู่กันคนละชั้นเสมอๆ  เด่นที่โครงสร้างเหล็กที่ถูกแปรเปลี่ยนเป็นฉากต่างๆ ได้ง่ายและฟรีสไตล์ อย่างไรก็ตามฉากก็ทำได้เหมาะสมและสมงาม สนับสนุนการโครงเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นครับ แต่มีฉากที่ผู้สร้างอาจจะได้ปล่อยของบ้าง คือฉากงานแฟนซี ที่ได้แฟนซีและสวยงาม หลุดออกจากทุกฉากในมิวสิคัลเรื่องนี้อย่างที่ตั้งใจครับ

            สิ่งที่ต้องชมอีกอย่างคือ ผู้กำกับลีลานะครับ แม้ว่าจะรูปแบบการนำเสนอท่าเต้น คล้าย Concert (เพราะมีฉาก Concert เยอะ) และก็ต้องยอมรับว่า การเคี่ยวเหล่า Dancer ให้เต้นเป๊ะ ขนาดนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
และตลอดเรื่องมีการใช้การเต้นลักษณะหลากหลายประกอบเรื่องราวในฉากต่างๆ ได้น่ารักดี ตัวอย่างเช่น ใช้การเต้นเพื่อสื่อสารการวอร์มร่างกายของซัน การทะเลาะไปเต้นไประหว่างซันกับวิว และหรือท่าประการเคลื่อนไหวประกอบบทของเหล่านักข่าว และคุณตาคุณยาย ทำได้น่ารักและสร้างสรรค์ครับ สนุกดี....​และขอชมปิดท้ายกับเหล่าๆ Dancer ใน Castนี้ทุกท่านครับ ดูกี่รอบก็เป๊ะ และจัดเต็มตลอด....

             เสื้อผ้า หน้าผม ในเรื่องนี้ คงไม่ต้อหวังความหวือหวา แปลกใหม่ พิศดารอะไรครับ ด้วยเรื่องราวที่เล็กๆ ง่ายๆ และพล็อตที่ไม่ได้เอื้อเท่าไหร่นัก แต่ความเด่นของเสื้อผ้าในเรื่อง คือการ นำเสนอ และตอกย้ำคาแร็คเตอร์ของตัวละครให้ชัดเจนมากขึ้นไปอีก และจริงๆ ด้านเสื้อผ้าก็แอบซ่อนความซนไว้เล่นๆ  นะครับ หากสังเกตุกันดีๆ เช่น ผ้ากันเปื้อนของ วิว แทนที่จะเป็นผ้าขาวทึบแสงคลุมทั้งตัว ก็เป็นผ้ากันเปื้อนชิ้นน้อยที่คลุมเฉพาะช่วงขา และผ้าก็เป็นผ้าขาวโปร่งๆ เสริมความน่ารักให้ตัวละคร อะไรแบบนี้ล่ะครับ

            สิ่งที่กลัวในการชมมิวสิคัลเรื่องนี้ คือสิ่งที่เคยเจอมาแล้วกับมิวสิคัลเรื่องอื่น ที่ “เหล่าแฟนคลับ” เคยทำไว้ในโรง เช่น แหกปากและปรบมือเมื่อนักร้องออกมา(ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร) ปรบมือนำในฉากต่อไปๆ ทั้งที่บนเวทียังไม่มีอะไรเกิดขึ้น (เพราะรู้ไงว่าอะไรจะเกิดขึ้น คงดูมาหลายรอบ)  การควักกล้องมาถ่ายรูปบนเวที หรือการร้องเพลงเสียงดังไปพร้อมๆ กับการร้องของตัวละครบทเวที ....​ซึ่งรอบที่ผมดูนั้น ยอมรับว่ามาแฟนคลับบี้จำนวนหนึ่ง และคงเพราะพวกเขาคงผ่านการชมละครเวทีมาก และมากรอบ ทั้งเรื่อง ทั้งบัลลังก์เมฆ ข้างหลังภาพ และเรื่องนี้ ทำให้เหล่าๆ แฟนคลับชมละครอย่างมาอารยะ จริงๆ ไม่รบกวนผู้อื่น ไม่อวดรู้ และมีสมาธิในการชม ต้องขอบคุณน้องๆ เหล่านั้น นะครับที่ให้เกียรติทุกคนในโรงละคร และขอบคุณโรงละครเมืองไทยรัชดาลัยด้วย ที่ได้บ่มเพาะวัฒนธรรมที่ดีให้กับผู้ชมละครในประเทศนี้

            ความเสียดายไม่กี่อย่างที่เกิดขึ้นในมิวสิคัลเรื่องนี้ คือ
1.บทที่หลวม (เหตุผล ความหนักแน่น ต่างๆ ยังไม่แข็งแรงพอครับ...แต่นั่นคือการใช้สมองตัดสินนะครับ...ถ้าใช้ใจชมก็จะไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับประเด็นนี้ )
2. ยังสงสัยในคาแร็คเตอร์ ที่ยังไม่เสถียร ของตัวละครครับ ( เช่น “ซัน” ที่มีบุคลิกนิ่งๆ และจริงจังในองก์แรก กลับกลายมาเป็น คนขี้เล่น เล่นมุขค่าเฟ เหมือนตัวละครในเรื่องนัดกับนัด ในองก์ที่หรือกระทั่ง “วิว” เองที่เชื่อมั่นในการ “ใช้ใจจับ” กับเป็นคนที่ ละเลย และเลิกยึดมั่น ในการ “ใช้ใจจับ” เสียเองในเรื่อง)
3.  สิ่งที่กลายเป็นจุดบอดแบบปฏิเสธไม่ได้เลย( บนเวทีมันฟ้องอยู่) คือ เพลง ณ บัดนาว มันไม่เหมาะกับบี้ และการโชว์นี้นะครับ คือ ท่อนแรกๆ มันเป็นท่อนที่กดเสียงต่ำมาก เวลาฟังในซีดีไม่รู้สึกครับ แต่พออยู่บนเวที ซึ่งเป็นท่อนเปิดเรื่อง และดนตรีปูเบาๆ ด้วย บวกกับการที่บี้จะต้องเค้นพลังออกมาเพื่อให้ถึงคนแถวหลัง ทำให้บี้ร้องออกมาด้วยเสียง “บี้ๆ” และ “เป็นเป็ดก๊าบๆ มาก” ซึ่งเท่าที่ถาม ทุกคนที่ไปชมรู้สึกแบบนี้หมด... และหนาหูเหลือเกินว่า บี้ร้องสดเอาไม่เพราะมากๆ อันนี้นานาจิตตังจริงๆ ครับ เพราะผมรู้สึกว่า บี้ก็ร้องโอเคนะบนเวที และมันเป็นการยากมากนะที่คนๆ นึงจะร้องและเต้นบทเวทีไปเรื่อยๆ โดยยังมีพลังอยู่ แต่ยี้ทำได้...ความสามารถของเขา อาจจะฉายจนกลบส่วนอื่นๆ ไปบ้างก็ได้ ไม่มีใครสมบูรณ์พร้อมครับ 
4. ถ้าพูดตรงๆ ละครเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบบี้ครับ.. และจะเป็นละครที่ถูกอกถูกใจของเหล่า แฟนคลับบี้อย่างมาก  เพราะมิวสิคัลเรื่องนี้ ดำเนินเรื่องผ่านตัวละครหลักอย่างซัน 60% ของการนำเสนอเรื่องเป็นเรื่องของซัน และบทก็เอื้อกับการแสดงศักยภาพของบี้มาก ทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งเล่น ทั้งโชว์ ตลอดเรื่อง และทั้งต้องควบ 2 ตัวละครในเรื่องอีก ซึ่งการที่ไฟส่องที่ตัว ซัน และ บี้ มากเกินไปในเรื่องนี้ ทำให้น้ำหนักของประเด็นเรื่องการใช้ใจจำ ความรักในเรื่อง และน้ำหนักของนางเอกไป ถูกบดบังไปมาก จนถึงขึ้นเสียอรรถรสละครไปนิดนึงได้เหมือนกันนะ

            สรุปแล้วคือ ให้ 8    เต็ม 10  นะครับ และการไปชมละครเรื่องนี้ ผู้ชมควรทำใจให้สบายๆ อย่าคิด อย่าคาดหวัง อย่านำพาอคติใดใด เขาไปในโรง ทำหัวโล่ง เปิดรับการแสดงบทเวที เวลาอยากขำก็ขำ อยากเศร้าก็เศร้าอย่าไปคิดมาก และใช้ใจในการชมละครเรื่องนี้ และคุณจะสนุก เพลิดเพลินไปกับเวลา2 ชั่วโมงกว่าๆ ของละครเรื่องนี้ครับ

            ให้ ใช้ ใจ จับ ในการ ชม รัก จับ ใจ นะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องย่อ “Frozen” (Disney's) โฟรเซ่น - ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ” : จากมุมมองของผม หลังชม (review)

สไปร์ท ฮอร์โมน : ซ่าๆ ใสๆ (กินสไปร์ท ต้องใส่ถุง) : (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)

เต้ย ฮอร์โมน : ตำนานแห่งดอกกุหลาบที่ถูกสาป (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)