สนุกเป็นบ้า!! : รีวิว หลังคาแดง เดอะมิวสิคัล


-->
ปีนี้เป็นปีที่วงการละครเวทีของไทยคึกคักมากนอกจากค่ายหลักๆ อย่างซีเนริโอและดรีมบ็อกจะขยันทำตลาดกันมากแล้ว ค่ายใหม่ๆก็เริ่มก็ก่อตัวขึ้น เช่น อินเด็กซ์ (ที่หันมาวางYearPlan ทำละครเวทีต่อเนื่องเป็นปีที่2)
เนชั่น ที่อยู่ๆ ก็มีโปรเจ็ค“เรยา เดอะมิวสิคัล” ออกมา และ ท้ายที่สุด “คุณตั๊ว ศรัญญู วงศ์กระจ่าง” ที่มาในนาม “สามัญการละคร”คลอด“หลังคาแดง เดอะมิวสิคัล”  ออกมาชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ยเล่นเอาคอละครเช็คข่าวให้วุ่นว่า มาจะใดกันหว่า



และนี่คือสิ่งที่จะเล่าถึงหลังคาแดง เดอะมิวสิคัลครับ



หลังคาแดงกำลังสื่อสารอะไร  หว่า?

มิวสิคัล ดราม่าคอมเมดี้เรื่องนี้ เท่าที่สัมผัสได้ เหมือนกำลังตั้งคำถามให้คนดูคิดว่าปัจจุบัน เราตัดสินคนที่ตรงไหน การแต่งการ รูปร่างภายนอก ความร่ำรวย อาชีพ ตำแหน่งฐานะทางสังคม ความเก่ง ความฉลาด หรือ จิตใจกันดีงาม ให้ลองนึกย้อนดูว่า เอ๊ะ จริงๆแล้วเราคือใครกัน....?

(เขียนไปก็ยิ่ง งงๆ)





ใครป่วยบ้างในหลังคาแดง

มิวสิคัลเรื่องนี้มีความน่าประหลาดใจอยู่พอควรเพราะเหนือความคาดหมายมาก ที่ดึงเอานักแสดงที่ไม่คาดว่าจะเล่นละครเพลงให้มาปรากฏอยู่ในเวทีนี้ได้ ตั้งแต่ โทนี่ รากแก่น, ซิปโซ, ส้ม อัมรา, ดี้ ชนานา, รสา,และที่สำคัญคือวสุ แสงสิงห์แก้ว

และที่ถูกใจคนดูคือการเอานักแสดงที่ศักยภาพเหมาะกับมิวสิคัล มาเล่น ได้แก่ วิทย์ เอเอฟ1 และ โอ อนุชิต

และจำขอขยี้บทที่แต่ละครได้รับ

โทนี่ : บทค่อนข้างไกลตัวกับยามที่ตกงาน จน แฟนทิ้ง และกำลังจะฆ่าตัวตาย แต่ “ทองดี” เวอร์ชั่นโทนี่” ก็เข้ากับดราม่าคอมเมดี้ Production นี้นะครับ

ยิบโซ : เธอเล่นเป็นตัวเองหรือเปล่า?

ส้มอัมรา : ท่าทางที่เต็มไปด้วยจริตจก้าน อ่อนย้วย ช่างเหมาะกับบทนี้ครับ และเสียงเธอก็เริ่ดจริง

ดี้ชนานา : คงมาตรฐานครับร้องก็ไม่แย่นัก แสดงก็คงที่ (คงเพราะเราเคยเห็นเธอบ้าในทีวีมาบ้าง)

วสุ แสงสิงห์แก้ว :เหนือความคาดหมายกับการทุ่มทั้งตัวให้การแสดงของเขา ยอดจริงๆ

โอ อนุชิต :ไม่ต้องห่วงครับ เนียนกับบทดราม่า และได้มาตรฐานการร้อง แม้จะเต้นน้อยไปนิดแต่พอมาถึงก็สะใจคนดูทีเดียว

วิทย์ เอเอฟ 1: ควงหลายกะ ทั้งร้อง ทั้งเต้น ทั้งปลอมตัว...เป็นนักแสดงที่มีความสามารถครับ

* แม้จะทำออกมาได้ดีแต่ความลึกของตัวละครยังไม่มากพอครับ แต่ไม่ใช่สาระสำคัญเพราะเรื่องนี้เป็นคอมเมดี้ ซึ่งถือว่าลงตัวอยู่นะครับ



ฉากหลังที่ว่าโดย “หลังคาแดง”

ฉากในมิวสิคัลเรื่องนี้มีความน่าสนใจนะครับเรียกว่ามีความน้อยแต่เชื่อว่าผ่านการคิดมาเยอะ
ฉากไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ไม่ได้มีเทคนิคเปลี่ยนฉากที่หวือหวาไม่มีเอฟเฟคอะไรมากมาย แต่เป็นฉากที่ประกอบด้วยองค์ประกอบไม่กี่ชิ้น ได้แก่ ฉากผ้า
2 ชิ้น ขึ้นลง, เวทียก step, บันได 2ฝั่ง และต้นไม้ 2 ต้น แต่ฉากที่น้อยๆ ทั้งหมดได้ถูกออกแบบให้สามารถประยุกต์ การจัดวาง ได้หลายรูปแบบ เพื่อประกอบเป็นฉากต่างๆได้หลากหลาย จึงดูเป็นฉากที่ฉลาดและศิลป์ขึ้นมา คนดูก็สนุกกับการเปลี่ยนฉากว่าไอ้นั่น กับไอ้นี่ ประกอบกันแล้วเกิดความใหม่ขึ้นมา



ซึ่งเราจะตัดเรื่องความไม่เนี๊ยบของฉากออกละกัน เช่น Step สีถลอก,บันไดเห็นไม้ตอกง่ายๆ ระโยงระยาง, ผ้าดำที่ม้วนเป็นก้อนๆ อยู่stepด้านหลัง หรือเห็นเชือกมัดกับฉากดำลวกๆไม่มีระเบียบก็ตาม แม้ฉากจะออกแบบมาดี แต่ความไม่เนี๊ยบด้าน Production ก็กัดกร่อนสิ่งที่ดีออกไปได้นะครับอย่าลืมว่าละครเวทีคนจะมองอะไร มุมไหนก็ได้ ….



เสื้อผ้าของชาว “หลังคาแดง”

อืม…พูดลำบาก…เสื้อผ้านี้ออกแบบRealistic นะครับ ไม่ได้ออกแบบเพื่อการ​ “โชว์” สักเท่าไหร่

ชุดคนไข้ ก็เป็นชุดคนไข้ ชุดหมอก็เป็นหมอ...  ก็พอเข้าใจได้ว่าด้วยตัวเรื่องของมิวสิคัลนี้ไม่ได้มีพื้นที่ให้ออกแบบเรื่องเสื้อผ้ามากนัก ก็ทำได้เสมอตัวนะครับชุดที่เด่นหน่อยในเรื่อง คงเป็นชุดของ “นักร้องสาว trio” และ “ชุดของตัวละคร “โฉมศรี” ที่ดูจะหวือหวาและเล่นอะไรได้มากหน่อย

ผมว่าการลงทุนก็มีผลกับเสื้อผ้า เพราะเล่นน้อยรอบการตัดเสื้อผ้าใหม่ทุกชุดคงไม่คุ้ม โดยเฉพาะชุดเวอร์ในการโชว์ แต่การใช้ชุดเก่าด้ายหลุดลุ่ย อยากชุดแอลวิส สีทองของคุณ “วสุ” ก็จับได้ว่าเป็นชุดใกล้พังนะครับคงดูไม่ได้คาดหวังเห็นชุดใหม่เอี่ยมแต่หวังเห็นความประณีตของทีมเสื้อด้วยอีกทางหนึ่ง



ลีลา ของเหล่า“หลังคาแดง”

มิวสิคัลเรื่องนี้ กำกับลีลาโดย คุณกัญญารัตน์ นภาศัพท์ที่มีประสบการณ์มากกับฟากรัชดาลัย ที่เด่นๆ ก็ได้แก่ ลมหายใจ เดอะมิวสิคัล,กินรีสีรุ้ง, แม่นาคพระโขนง เดอะมิวสิคัล, ข้างหลังภาพ เดอะมิวสิคัล และอื่นๆอีกมาก (รวมถึง “ข้ามเวลาหารัก” มิวสิคัล ออน ทีวี)  ท่าเต้นจึงดีไซน์เพื่อความสวยงามและสื่อความหมายได้ในคราวเดียวรวมทั้งมีการออกแบบท่าเต้นที่ละเอียดน่ารักในฉากเล็กๆ น้อยๆ เต็มไปหมดและมีท่าจำเช่น “อย่างนี้เขาเรียกว่า รัก”เดาว่าผู้ออกแบบท่าเต้นคงสนุกและมีพื้นที่ให้ปล่อย ความคิดสร้างสวรรค์ ได้เต็มที่คือทำสนุกทำแล้วมันส์ในระดับนึง แต่จากที่คาด และวิเคราะห์ส่วนตัว พบว่า ท่าเต้นไม่ได้มีความยากคงเพราะนักแสดง Cast นี้ไม่ได้มีทักษะทางการเต้นที่เข้มข้นนักและนักแสดงเต้นออกมาไม่ค่อยพร้อม และไม่ค่อยคม ก็อาจเพราะเหตุผลเดียวกับเมื่อครู่และอาจเดาได้ว่า ระบบเสียงค่อนข้างห่วยของโรงละคร ทำให้เสียงไม่เคลียร์ทุกคนฟังจังหวะไม่ตรงกัน...​(เดานะ แค่เดา)


เพลง ลั้ล ลา ในหลังคาแดง

เพลงถูกดีไซน์หลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับตัวละคร และบทในขณะนั้นสอดคล้องไปกับเรื่องซึ่งทำได้โอเคทีเดียวนะครับ เมโลดี้มีความไพเราะอยู่ เนื้อร้องก็ไม่ได้ฟังยากมีการใช้เพลงหลากหลายแนวเข้ามา ทำให้เรื่องมีสีสันและเน้นบุคลิกตัวละครและฉากนั้นๆ เช่น

ร็อค แอนด์ โรล, แทงโก้, ฮิปฮอป((((((((มีเต้นประกอบแต่ละครเพลงด้วยนะ ส่งให้อารมณ์ไปสุดมากๆ )

แต่ข้อเสียของเพลงที่หลากหลายแต่งใหม่ทั้งเนื้อร้องทำนองในทุกฉาก ทำให้คนดูจะเพลงอะไรไม่ได้เลย แม้กระทั่งเพลง Solo ของตัวละครที่ควรจำได้แต่ก็โล่งๆ ในสมองมาก อันที่จริงอาจไม่ได้แต่งเพลงใหม่ทั้งหมดทุกฉากก็ได้ควรใช้เทคนิค ธีมเมโลดี้ ในฉากที่ใกล้เคียงกันแต่เปลี่ยนจังหวะและเนื้อร้องหากต้องการเล่าเรื่องต่างกัน หรือใช้ Yoursong ของแต่ละครตัวละครและสื่อสารในฉากต่างๆ เพื่อขยี้อารมณ์ให้มาเร็วและคนดูอินมากขึ้น



มีมืด มีสว่างในหลังคาแดง

เรื่องการจัดไฟในมิวสิคัลเรื่องนี้ มีความลงตัวอยู่นะครับการเลือกใช้สี แสง ลักษณะของไฟ มีความเหมาะสมกับฉากและเนื้อเรื่องสร้างอารมณ์และความสมจริงให้กับฉากได้ดี  มีการจัดไฟที่สวยงาม(ตามที่ศักยภาพของเอ็ม เธียรเตอร์จะเอื้ออำนวย)

แต่มีเรื่องหนึ่งที่พลาดมาก คือ ไฟ Follow เรื่องจากมิวสิคัลเรื่องนี้มีนักแสดงจำนวนมากบทก็กระจาย บางทีพูดซ้อนๆ กันจนไม่รู้จะมองใครได้ การมีหรือบางฉากนักแสดงนำก็ยืนในมุมมืด ยืนตกไฟทำให้ไม่เห็นสีหน้าและแววตาของเขาการมีไฟ Follow คือ ​ basicที่จะไกด์คนดูให้เลือกมอง เลือกเพ่งความสนใจที่ใครและมีผลต่อการรับรู้เรื่องราวของผู้ชมด้วย เมื่อไม่มีไฟ follow ก็เท่ากับไม่ได้ให้ความชัดเจนกับคนดูบางฉากดูก็มองสะเปะสะปะ ตามตัวละครไม่ทัน หรือไม่รู้จะมองใคร  อย่างไรก็ตามตั้งข้อสังสัยไว้ส่วนหนึ่งว่าศักยภาพ ความเล็กของโรงละครเอ็มเธียเตอร์ ไม่เอื้อให้มีไฟ Follow หรือไม่เพราะละครเรื่องต่างๆ ที่เล่นที่นี่ไม่ค่อยใช้Follow กัน หรือเป็นการตัดสินใจของผู้สร้างที่จะไม่ใช้เอง

 เล็กๆ น้อยๆที่เป็นเรื่องใหญ่ให้ผู้ชมสะดุด

ก็คาดว่าผู้จัดทุกคนคงอยากให้ละครมีความสมบูรณ์แบบที่สุดแต่บางทีก็ต้องคำนึงถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยที่จะทำลายภาพใหญ่ได้ และคนดู 100 ทั้งร้อยก็พูดถึงและจดจำความผิดพลาดได้มากกว่า เช่น

Smoke : ระหว่างฉากเงียบที่เน้นอารมณ์ของละครก็มีเสียงดังจากเครื่องปล่อย ​​Smoke ดังจากด้านบนและควันก้อนใหญ่ก็ลอยเข้ามาในฉาก.... (ควรหาวิธีปล่อยที่ไม่กวนการแสดงครับ)

( จะหาว่าลำเอียงก็ได้นะ แต่ผมไม่เคยได้ยินเสียงเครื่องหรือควันกลุ่มใหญ่ลอยมา แบบไม่มีเหตุผล  กับโรงละครรัชดาลัยเลย เขาต้องมีวิธีจัดการกับมันครับ )
Tie-in : การโยง ​sponsor  His and Her เข้ามาในเรื่องแบบไม่เนียน มันทำให้ผู้ชมสะดุด ครับ เหมือนดูอยู่ดีๆ ก็มีคนเข้ามาขายของในโรงละคร... ทำให้ความรู้สึกที่เริ่มจะอินกับละคร ถูกตัดฉับออกไปอย่างน้อย 5 นาที...ซึ่งฝากพิจารณาผู้จัดทุกเจ้านะครับว่า  Sponsor ท่านการขอบคุณเป็นเรื่องถูกต้อง แต่ต้องเป็นเรื่องนอกเวที ... ละครเวทีก็คือละครเวที คนไม่ได้เสียตังค์เป็นพัน เพื่อมาดูโฆษณาแฝงครับ 



สรุปรวม ในหลังคาแดง

นับเป็นมิวสิคัล ดราม่า คอมเมดี้ ที่สนุก ได้อรรถรสครับแม้การแสดงจะยาวเกือบ 4 ชั่วโมง

แต่เป็น 4 ชั่วโมงที่ไม่น่าเบื่อเลย...จะบ่นก็ตรงเก้าอี้นั่งไม่สบาย ทั้งแข็งและไม่ได้องศา
 สื่อโปรโมท ทั้งโปสเตอร์ ทีวีสปอต ทำได้ออกมาดี ได้มาตรฐาน และเห็นความตั้งใจครับ
เสียดายที่แรงโปรโมทมีน้อยไป คงต้องพัฒนาวิธีโปรโมทที่ใช้เงินน้อย แต่เกิดกระแสนะครับ

คุณศรัญญู เป็นผู้กำกับที่เข้าใจละครมิวสิคัลทีเดียวมีฝีมือและมุมมองในการนำเสนอที่ดี แม้จังหวะในการแสดงนั้นยังไม่ลงตัวทำให้ละครไปไม่สุด ก็ถือว่าเป็นส่วนน้อย และเราคง ต้องให้โอกาสต่อไป  รองจากรัชดาลัยก็เห็นว่าคุณศรัญญูนี่แหละที่สามารถทำมิวสิคัล ระดับมาสเตอร์พีชได้ในอนาคตถ้าคุณศรัญญูจะมีงบประมาณการผลิตที่มากขึ้น และทีม Production ที่ทีมเวิร์ค มากขึ้นครับอย่างไรก็ตามจะเห็นว่าสามัญการละคร มีการทำละครอย่างเป็นระบบธุรกิจ ตามรอยรัชดาลัยที่ค่อนข้างมีอนาคต เช่น การใช้ดาราแม่เหล็กสร้างความสนใจบทประพันธ์ที่มีต้นทุนอยู่แล้ว การหาสปอนเซอร์ และมีมีเดียพาร์ทเนอร์อย่าง เครือ  ClickRadio ช่วย Support ซึ่งสามัญการละครนับเป็นค่ายที่น่าจับตามองครับ

และเขาก็ยั่วน้ำลายคอละครไว้แล้วว่า เจอกันต้นปีหน้า กับ“สิบหมื่น เดอะมิวสิคัล” ไง...แจ๋วป่ะล่ะค่ายนี้



ให้คะแนนชาวหลังคาแดง

เต็ม  10 ให้ 8นะครับ ที่หากนี่คือหักความไม่เนี๊ยบ(เล็กๆ น้อยๆ) ของงานProductionและความไม่เอื้อของโรงละครเอ็มเธียเตอร์ครับ
 อยากให้ไปดูนะครับ ของบัตรได้ที่ ThaiTicketMajor ครับ เล่นถึง 29 กรกฎาคม นี้เองนะ ไม่น่าจะเพิ่มรอบล่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องย่อ “Frozen” (Disney's) โฟรเซ่น - ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ” : จากมุมมองของผม หลังชม (review)

สไปร์ท ฮอร์โมน : ซ่าๆ ใสๆ (กินสไปร์ท ต้องใส่ถุง) : (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)

เต้ย ฮอร์โมน : ตำนานแห่งดอกกุหลาบที่ถูกสาป (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)