“นางหงส์ ไร้บารมี” หงส์เหนือมังกร กับ การเมืองไทย
เมื่อปี 2554 คุณบอยถกลเกียรติ
ได้หยิบบทประพันธ์ที่เคยทำเป็นละครโทรทัศน์มาก่อน คือเรื่อง “หงส์เหนือมังกร”
มานำเสนอในรูปแบบ “มิวสิคัล” และเล่นบทเวทีเมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ นำแสดงโดย
คุณแพท สุธาสินี และ แบ็งค์ แคลช
แม้ว่า Cast จะลงตัวมากๆ แต่เนื้อเรื่องที่ไม่ Pop เท่าไหร่ และเป็นมาแบบไม่มีปี่มีขลุยเรื่องนี้ทำให้กระแสเรื่องนี้แม้จะไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ “ติดปีก” บินหราได้... รอบการแสดงจึงอยู่ในระดับดีเสมอตัว โดยแสดงเพียง 37 รอบ
แต่โดยส่วนตัวของผม กลับมองว่าเป็นมิวสิคัลที่ทรงพลังมาก...เพราะประเด็นของมิวสิคัลเรื่องนี้ ได้หลุดพ้นจากเรื่อง “โรแมนต์” หรือ “ความรักโศก” ใดใด ที่รัชดาลัยเคยทำมาก่อน.... เพราะเลือกประเด็นที่หนักมากๆ อย่างเรื่อง “อำนาจ” “ความแค้น” “ความพอเพียง” มาเล่าอย่าง “ขยี้” ซึ่งผมว่าคนดูละครส่วนใหญ่ ก็คงคิดว่า “ทำไมมันไม่ค่อยบันเทิงเท่าไหร่หว่า...อย่างเครียด” แต่สำหรับผม ผมว่า “ดีเลิศมาก” โดยเฉพาะช่วงนั้น ที่ “โคตรสอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน อย่างที่สุด”
แม้ว่า Cast จะลงตัวมากๆ แต่เนื้อเรื่องที่ไม่ Pop เท่าไหร่ และเป็นมาแบบไม่มีปี่มีขลุยเรื่องนี้ทำให้กระแสเรื่องนี้แม้จะไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ “ติดปีก” บินหราได้... รอบการแสดงจึงอยู่ในระดับดีเสมอตัว โดยแสดงเพียง 37 รอบ
แต่โดยส่วนตัวของผม กลับมองว่าเป็นมิวสิคัลที่ทรงพลังมาก...เพราะประเด็นของมิวสิคัลเรื่องนี้ ได้หลุดพ้นจากเรื่อง “โรแมนต์” หรือ “ความรักโศก” ใดใด ที่รัชดาลัยเคยทำมาก่อน.... เพราะเลือกประเด็นที่หนักมากๆ อย่างเรื่อง “อำนาจ” “ความแค้น” “ความพอเพียง” มาเล่าอย่าง “ขยี้” ซึ่งผมว่าคนดูละครส่วนใหญ่ ก็คงคิดว่า “ทำไมมันไม่ค่อยบันเทิงเท่าไหร่หว่า...อย่างเครียด” แต่สำหรับผม ผมว่า “ดีเลิศมาก” โดยเฉพาะช่วงนั้น ที่ “โคตรสอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน อย่างที่สุด”
แม้ตอนที่ผมดู
จะยอมรับได้ใน “ประเด็น” ที่ต้องการสื่อสาร และเข้าใจใน Concept ประมาณนึง ก็รู้สึกสมเหตุ
สมผลดี และทำออกมาได้ดีในบท ในเพลง ในการนำเสนอเรื่องราว
แต่เมื่อเวลาผ่านไป บ้านเมืองเปลี่ยนแปลง เหมือนเนื้อเรื่องใน “หงส์เหนือมังกร เดอะมิวสิคัล” ได้หลุดออกมาจากรัชดาลัย... แล้วมาโลดเล่นอยู่ในบ้านเมืองปัจจุบัน ซึ่งประหลาดใจมากๆ ว่า ทำไมมิวสิคัลเรื่องนี้ ถึงได้ “มาก่อนเวลา และล้ำสมัย” มากขนาดนี้
แต่เมื่อเวลาผ่านไป บ้านเมืองเปลี่ยนแปลง เหมือนเนื้อเรื่องใน “หงส์เหนือมังกร เดอะมิวสิคัล” ได้หลุดออกมาจากรัชดาลัย... แล้วมาโลดเล่นอยู่ในบ้านเมืองปัจจุบัน ซึ่งประหลาดใจมากๆ ว่า ทำไมมิวสิคัลเรื่องนี้ ถึงได้ “มาก่อนเวลา และล้ำสมัย” มากขนาดนี้
ยังไงน่ะหรือครับ...
“ถ้าอยากรู้ผมจะให้ฟัง.....”(ยืมเพลงจากบังลังก์เมฆมาร้อง)
“จะเป็นหงส์ ที่อยู่เหนือ มังกร.....ร...ร...ร”
“จะเป็นหงส์ ที่อยู่เหนือ มังกร.....ร...ร...ร”
เรื่องเล่าถึงสมาคม
“เทียนเล้ง” หรือ “มังกรฟ้า” แหล่งรวมตัวของคนไทยเชื้อสายจีน
ที่รู้สึกว่าตนเป็นบุคคลชั้น 2 ของประเทศ
จึงมีความทะเยอทะยานอยากขึ้นเป็นอยู่สูงเป็นอันดับ 1 และให้คนยอมรับ สิ่งที่เขาทำคือ
สะสมความร่ำรวย บารมี และอำนาจ
เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะนำพาเขาไปสู่จุดนั้นได้... โดยไม่สนว่า
การได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น “ถูกหรือผิด”
เทียนเล้ง ประกอบด้วย ผู้นำหนัก 3 คน คือ “ตี๋ซุ้ง”(ผู้นำสมาคม) “เต็งล้อ” “ตี๋ซา” / วันหนึ่งตี๋ซาได้ผิดใจกับอีก 2 ผู้นำ และขอแยกตัว... แต่แล้วเขาก็ถูกฆาตกรรม “จางเห่า” คนครัวของตี๋ซาคับแค้นใจที่ผู้มีพระคุณต่อตนถูกทำร้าย จึงคิดล้างแค้น โดยมี “ตี๋ซุ้ง” เป็นเป้าหมาย
“ตี๋ซุ้ง” แต่งงาน มีลูกสาว 1 คนที่รักมากนามว่า “หยก” เขาสั่งสอนอบรม และปูทางทุกอย่างให้หล่อนมีความคิดแบบผู้นำ และด้วยความเป็นเด็กที่เชื่อฟังพ่อ จึงรับคำสั่งสอนไว้ทั้งหมด แต่กลับลูกชายอีกคนของตี๋ซุ้ง ที่ชื่อว่า “ตี๋เล็ก” ผู้เป็นพ่อกลับดูเหมือนไม่ใส่ใจ มีท่าทีเกลียดชังเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกของครอบครัวชาวจีน ที่ลูกชายมักถูกให้ความสำคัญ
“จางเหา”
ต้องการเข้าใกล้ “ตี๋ซุ้ง” ให้มากที่สุด โดยปลอมตัวเป็นคนงานก่อสร้างตึกสมาคมเทียนเล้ง
หลังใหม่ ที่สูงใหญ่ตระหง่านฟ้ากว่าเห่า และโอกาสในการล้างแค้นก็มาถึง...
ในงานเลี้ยงเปิดตัว เมื่อบสบโอกาสในที่ลับตา “จางเหา” ได้สังหาร “ตี๋ซุ้ง”
ด้วยปืนกระสุนทอง(ของตี๋ซุ้ง) ซึ่งมีเพียง
3 ผู้นำของเทียนเล้งเท่านั้นที่จะมี คล้ายๆ อารมณ์จะบอกว่า “ดาบนั้นคือสนอง”
เมื่อเที่ยนเล้งเสียผู้นำไป ก็จะเป็นต้องมีผู้นำคนถัดไป ผู้เข้ารอบชิงมีอยู่ 2 คนคือ “หยก” (ซึ่งเป็นผู้หญิงยากที่จะปกครองใคร) กับ “ตี๋เล็ก” (ซึ่งคนทั้งสมาคมส่ายหน้าเอือมระอา) แล้วพินัยกรรมของตี๋ซุ้งก็ยกทุกอย่างให้ “หยก” .... แม้หยกจะไม่พร้อมจะรับภาระนั้น แต่จากคำพูดของแม่หล่อน ที่เล่าให้ฟังว่า พ่ออยากเปลี่ยนแปลงสังคมคนจีน ให้มายอมรับ “ผู้หญิง”นการขึ้นเป็นใหญ่ และแม่ของเธอเองก็เชียร์ว่า นี่แหละ คือโอกาสที่ดี ที่หยกจะทำตามที่พ่อตั้งใจ
เมื่อเที่ยนเล้งเสียผู้นำไป ก็จะเป็นต้องมีผู้นำคนถัดไป ผู้เข้ารอบชิงมีอยู่ 2 คนคือ “หยก” (ซึ่งเป็นผู้หญิงยากที่จะปกครองใคร) กับ “ตี๋เล็ก” (ซึ่งคนทั้งสมาคมส่ายหน้าเอือมระอา) แล้วพินัยกรรมของตี๋ซุ้งก็ยกทุกอย่างให้ “หยก” .... แม้หยกจะไม่พร้อมจะรับภาระนั้น แต่จากคำพูดของแม่หล่อน ที่เล่าให้ฟังว่า พ่ออยากเปลี่ยนแปลงสังคมคนจีน ให้มายอมรับ “ผู้หญิง”นการขึ้นเป็นใหญ่ และแม่ของเธอเองก็เชียร์ว่า นี่แหละ คือโอกาสที่ดี ที่หยกจะทำตามที่พ่อตั้งใจ
หยกผู้อยากปฏิบัติให้ได้ตามความฝันของพ่อ
จึงยอมรับตำแหน่ง และเธอมีความฝันจะเป็น “หงส์ที่เหนือมังกร” ให้ได้
ในรูปแบบของเธอเอง เธอต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างหนักท่ามกลางสายตาของคน
ทั้งสมาคมที่คอยดูว่า “หงส์ตัวนี้ เธอจะบินได้สูงแค่ไหน” และในวันรับตำแหน่ง
“จางเหาก็ถูกจับตัวได้ ในฐานะ ผู้ต้องหาสังหารตี๋ซุ้ง” (
หยกซึ่งเคยรู้จักจางเหามาก่อนโดยการพบกัน โดยบังเอิญที่ศาลเจ้าและ
เซียมซีได้ใบเดียวกัน) แม้คนทั้งสมาคมได้ตัดสินจางเหาไปแล้วว่าเป็นฆาตกร
แต่ด้วยไม่มีหลักฐานจะเอาผิดเขาได้ แต่การจะปล่อยตัวไปเฉยๆ ก็ไม่ได้อีก หยกจึงตัดสินใจ “ตัด” นิ้วชี้ขวาของจากเหา
เพื่อไม่ไห้เขาเหนี่ยวไกได้อีก ก่อนจะปล่อยตัวไป
หยก
มีวิสัยทัศน์ในการพาเทียนเล้งไปสู่ความยุ่งใหญ่ แตกต่างจากพ่อ... พ่อเชื่อว่าอำนาจจะนำมา
ซึ่งผลลัพพ์ แต่เธอชื่อว่า “ความสุจริต ความขยัน ความอดทน”
ก็นำมาซึ่งความยิ่งใหญ่ที่ยั่งยืนได้เช่นกัน... แต่ทว่า ท่ามกลางธรรมเนียมปฏิบัติที่ค่อนข้างนักเลง
ของสมามคมเทียนเล้ง ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มา ซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ ผู้นำรองๆ รุ่นเก่าที่ยังกุมอำนาจ
ที่ซ้อนเร้นไว้รองจากผู้นำ... ทำให้ทุกคนในสมาคมมองเธอเป็นตัวปัญหา ทุกอย่างดำเนินงานไปได้ช้า
เพราะการดำเนินงานที่ Soft ของหล่น
และมีปัญหาตามมามากมายจากการเปลี่ยนนโยบายของเธอ จนใครๆ ค่อนแคะกันว่า เธอเป็น “หงส์ไร้บารมี”
เทียนเล้งที่มีโปรเจคไล่ที่ชาวสลัม
เพื่อก่อสร้างเป็นห้างสรรพสินค้ายิ่งใหญ่ ยืดเยื้อมานาน เป็นปีเพราะหยุกไม่อยากให้ใช้กำลังไล่ที่ เมื่อหล่นถูกสบประมาท
จึงจำเป็นต้องกลืนน้ำลายตัวเอง เพื่อให้ได้ผลลัพพ์ที่รวดเร็ว
เธอต้องก้าวตามวิธีของพ่อ “ที่เธอรู้ว่าผิด” เธอตัดสินใจ “เผาไล่ที่” ทำให้มีคนเจ็บ
คนตาย คนเดือดร้อนจำนวนมาก
จางเหา
ที่หายตัวนาน เขาได้ฝึกฝนการยิงปืนด้วยมือซ้าย และเมื่อทราบข่าวการกระทำของหยก
ก็โกรธแค้น (เพราะเมียของเขาก็ตายจะการสั่งเผาที่ของเทียนเล้งเมื่ออดีต)
จางเหาต้องการจะหยุดการกระทำที่ชั่วช้าของหยก จึงเดินทางเข้ามาในเทียนเล้ง
เพื่อสังหากผู้นำหญิง... หยกเองเมื่อได้สั่งดำเนินงานไปดังนั้น ก็ “สงสัย”
ในสิ่งที่เกิดขึ้น ว่า “นี่หรือคือสิ่งที่พ่อต้องการ การขึ้นไปเป็นใหญ่ที่มาจากการทำล้ายล้างผู้อื่น
มันยั่งยืนจริงหรือ” และในเมื่อหล่อนได้ในสิ่งที่อยากได้แล้ว...
หล่อนจะอยู่สูงขึ้นไปอีกเพื่ออะไร... จางเหาพบตัวหยก
ทั้งคู่ได้เจอและคุยกันอักครั้ง หยกปฏิเสธว่าตอนไม่ใช่คนที่ร้าย
แต่ด้วยจุดที่ตนยืนนั้น ทำให้ตนต้องทำสิ่งเหล่านั้น จางเหาที่ขณะนี้มีอำนาจที่จะปลิดเหนือชีวิตหยก
เข้าได้ในวินาทีนั้นเองว่า “การมีอำนาจอยู่ในมือ มันอยู่ที่ว่า เราจะใช้อำนาจไปในทางใด
หรือปล่อยให้อำนาจกุมสั่งเรา”
จางเหาผู้ซึ่งไม่อยากจะเป็นคนจำพวกเดียวกับ “เทียนเล้ง”
จึงเลือกจะใช้อำนาจเหนือ “หยก” ปล่อยชีวิตหล่นไป
ตี๋เล็ก
ผู้ซึ่งเมื่อไม่ได้ตำแหน่งก็ทำตัวเละเทะกว่าเก่า เขาไปติดพันกบสร้อย “สาวบาร์”
และมีเรื่อง “ขิง” กับ “ปิติ” ลูกของนักเลงใหญ่ “ป๋าเสริฐ”
และวันหนึ่งที่ทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรง “ตี๋เล็ก” ยิงปิติเสียชีวิต....
ขณะที่ทุกอย่างทำลังแย่สุดฤทธิ์ ตี๋เล็กได้พบว่าจริงว่า ตนเองไม่ใช่ลูกของ
“ตี๋ซุ้ง” แต่เป็นลูกที่เกิดจากการ “เต็งล้อ” ซึ่ง “ขืนใจ” นภาพร
แม่ของตน...(มิน่าตี๋ซุ้ง จึงเกลียดชังนัก)..
ตี๋เล็กที่รับความจริงไม่ได้จึงหนีออกจากสมาคม และโดยตำรวจไล่ล่าจนโดยวิสามัญ
ในที่สุด
นภาพรเสียใจมากที่ชีวิตพบแต่การกดขี่ จึงเลือกจะหลุดพ้นด้วยการแขวนคอตาย..
เต็งล้อ
ผู้ซึ่งหวังว่าสักวันจะดัน “ลูกชาย” ตี๋เล็ก ขึ้นนั่งบัลลังก์เทียนเล้ง
จึงยอมอยู่หลังม่าน เพื่อกลุยทางให้ลูกชาย แต่เมื่อลูกชาย และนภาพรได้จากไปแล้ว
เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ จะต้องอยู่ หลังม่านอีก เขาเลยวางแผนฆ่าหยก เพื่อให้หมดเสี้ยนหนามไป
แล้วอำนาจจะได้ตกเป็นของตนเสียที
จางเหา
ช่วยเหลือหยกไว้ได้จากการลอบทำร้าย เขาพาหยดมายังบ้านในป่าของเขา
ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ไม่หรูหรา แต่มีความสุข นี่คือความ “พอดี”
ที่จางเหาค้นพบ และทำให้เขามีความสุขในชีวิต
หยกที่ซึ่งมีใจให้แก่จางเหาอยู่แล้วเป็นทุน
ได้ยอมตกเป็นของเขา..แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก... หล่นพบปืนกระสุนทองของ “ตี๋ซา”
อยู่ในบ้านของจางเหา และนี่ก็เป็นหลักฐานเพียงพอว่า คนที่หล่นรัก
เป็นผู้ฆ่าพ่อของตนเอง
“หยก”
ผู้ซึ่งสูญเสียแล้วซึ่งทุกอย่าง พ่อ แม่ น้อง และคนรัก
คิดขึ้นมาได้ว่าการได้มาซึ่งอำนาจไม่ได้นำมาซึ่งความสุขให้กับหล่นเลย ตรงกันข้ามนางกลับไม่เหลืออะไรแล้วในชีวิต
หล่นตัดสินใจเดินเข้าสู่ความตาย ด้วยการกลับไปหาเต็งล้อที่เทียนเล้ง น้ำชาในจอกที่เต็งล้อยื่นให้ แม้หล่อนจะรู้ว่า
ในนั้นมียาพิษจะพาวิญญาณหล่อนออกจากร่าง (ซึ่งธรรมเนียมชาพิษ เป็นสิ่งที่หล่อนรู้ดีว่าเป็นวิธีปฏิบัติของเทียนเล้ง)
เมื่อรู้ทั้งรู้ หล่อนก็ยังยินดีจะดื่มมันลงไป
เพื่อนำพาตนหลุดพ้นที่ความวุ่นวายทั้งหมด
แต่ก่อนดื่มทางก็พูดกับเต็งล้อไว้ว่า “การขึ้นเป็นใหญ่
อย่าทำโดยการทำลายล้าง ควร Care และดูแลผู้คนเบื้องล่างให้ดี
เพราะเขาเหล่านี้จะเกื้อกูลเรา และจะเป็นฐานที่มั่นคงสู่การเป็นใหญ่ที่ยั่งยืนมากกว่า”
แล้วหล่นก็ดื่มชาจอกนั้น ทุกอย่างสำหรับเธอจบลง
ในวันที่เต็งล้อ
ขึ้นบัลลังก์เทียนเล้ง
จางเหาได้ปะปนอยู่ในงานนั้นเช่นกัน... เขากำลังตัดสินใจอยู่ว่า
“เรื่องทั้งหมดนี้ จะจบลงอย่างไร ระหว่างการ ล้างแค้น หรือ จะพอ”
แล้วหงส์เหนือมังกร มัน เหมือนการเมืองไทยตอนนี้อย่างไร
ขอโทษที่ต้องเล่าเรื่องย่ออย่างละเอียด
และเล่าซะยาว แต่จำเป็นครับ เพราะถ้าลองคิดให้ลึกๆ จากตัวละคร และสถานการณ์
แล้วเอา “คนในแวดวงการเมืองไทยในปัจจุบัน” มาจับวางในเรื่อง
ก็จะพบว่าสามารถเห็นหน้าลอยมาได้เป็นตัวคนเลยทีเดียว
และนี่คือตัวอย่างที่อยากให้ลองคิด
และผมขอยกตัวอย่างเพลงในละคร ให้ทุกท่านเห็นภาพชัดเจนนะครับ และจะสนุกมากขึ้น
หากทาง เปลี่ยนจากชื่อตัวละครในเรื่องที่ผมเล่า หรือเปลี่ยนชื่อในเพลง
เป็นบุคคลจริงในแวดวงการเมืองไทย...ท่านจะเห็นภาพ และเข้าใจมากขึ้น รับรองมันส์
ตัวอย่าง 1: เราเห็นความทะเยอทะยาน
ของชาวสมาคนเทียนเล้ง ที่ต้องการลบปมด้อยในใจตนเอง ด้วยการขึ้นเป็นใหญ่
แสวงหาอำนาจ ตักตวงบารมี เพื่อให้ทุกคนยอมรับ และต้องการใช้อำนาจนั้น เพื่อตนเอง
“สร้างให้สูง
สร้างให้ถึง เมฆา
สร้างให้สูงสร้างมันลิบตา
สร้างให้สูงยิ่งกว่า
สร้างให้มันลับฟ้า”
ตัวอย่าง
2 : “หยก” สาวน้อยโลกสวย
ที่มีชีวิตปกติอยู่ดีๆ ก็มีได้รับการถ่ายทอดอำนาจจาก “พ่อ” โดยไม่ค่อยเต็มใจนัก
แต่เมื่อพ่อต้องการให้เธอเข้าสู่อำนาจ เธอก็ตัดสินใจทำ...
และแม้เธอจะพยายามจะเปลี่ยนแปลงความไม่ชอบธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น และเชื่อว่า
เธอจะใช้อำนาจในมือเธอไปในทางสร้างสรรค์ เพื่อนนำไปสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่....
แต่ด้วยระบบที่พ่อได้สร้างไว้... คนที่มีอำนาจแผงรอบตัวเธอ
ทำให้เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย
ตัวอย่าง 3 : อำนาจ
ที่เธอได้มานั้น เธอกลับใช้มันไม่ได้เลย มิหนำซ้ำ เธอยังแทบกระดิกตัวไม่ได้....
เธอตกอยู่ใต้อำนาจ (และอำนาจแผงนั้นไปโดยปริยายและขัดขืนไม่ได้) การจะผลักดันอะไรให้เกิด
ในทางที่ควรจะเป็นถูกต้อง กลับไม่สำเร็จทันใจทุกคน จนในที่สุดอำนาจนั้นได้บังคับ เธอให้เป็นไปตามที่เคยเป็นไป
และลงมือใช้อำนาจในทางที่เธอปฏิเสธมาโดยตลอด
เต็งล้อ : ดูแลน้องชายก็ทำไม่ได้ นี่น่ะหรือ “ผู้นำ”
พวกลูกน้องใครกันจะเชื่อฟัง จะนำเทียนเล้งไปได้ยังไง
หยก :
แต่อั๋ว ก็ได้ทำเต็มที่
เต็งล้อ : มันยังดีไม่พอ ลื้อจะเข้าใจหรือไม่
เหมือนเรื่องสลัมที่ยังชักช้าร่ำไร ใครจึงพูดกัน
“นางหงส์ไร้บารมี”
“นางหงส์ไร้บารมี”
(หยกมีคำสั่งเผาสลัมไล่ที่
แบบเดียวกับที่พ่อเธอทำ และตามที่ทุกคนในเทียนเล้งอยากให้เป็น)
ตัวอย่าง 4 : หยก
เฟลกับสิ่งที่เธอได้รับ ว่าอำนาจที่เธอมี มันไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้เลยหรือ ในทางกลับกันมันกลับย้อนมาสั่งการเธอ เธอเริ่มสงสัยแล้วว่า “สิ่งเหล่านี้หรือ
คือสิ่งที่พ่อของเธออยากได้”
หยก : สิ่งใดพ่อสอน
ลูกยังจำได้ดี
ทางไหน
ที่พ่อชี้ ลูกเดินตามหนทาง
แต่วันนี้เริ่มสับสน ทุกอย่าง อยากถามพ่อว่าเพราะ อะไร
อยากขึ้นสู่ฟ้า แต่ต้องย่ำเหยียบคน
อยากอยู่อย่างมั่นคง กลับต้องทำร้ายใคร
ทำเช่นนี้เราจะเหนือคน
ขึ้นไป ได้ยิ่งใหญ่จริงหรือ?
คนเราจะอยู่เหนือ
เพื่อความหมายได้?
จะมีอะไรเหลือ
เมื่อเราขึ้นไป
หากในทุกก้าวที่มุ่งสู่ฝัน เราต้องทำลายผู้คน รอบกาย
หากสิ่งที่เราเหลือ
ว่างเปล่า ลับตา
จะหยัดยืนบนฟ้า
ต่อไปทำไม
แล้วจะมีชีวิตเพื่ออยู่ให้เหนือ
เพื่อเหนืออะไร
ตัวอย่าง 5 : หางเหา
ผู้ซึ่งมีสตินึกได้แล้วว่า การมีอำนาจนั้น มันไม่สำคัญกว่าการใช้อำนาจไปในทางใด
เข้มแข็งพอจะใช้อำนาจนั้นไหม หรืออ่อนแอจนปล่อยให้อำนาจเป็นฝ่ายสั่งเราแทน
หางเหา
:บัญชาฟ้า ให้ข้าลงฑัณฑ์ คนอย่างเจ้า
ก่อกรรม ทำเรื่องร้าย
จงฟังเสียง
ของผู้คน ที่สาปแช่ง ให้เจ้าตาย
ก่อนที่อะไร
จะสาย ข้าต้องฆ่าเจ้าเสียที
หยก
: การเข่นฆ่า ไม่ใช่ทางออก
หางเหา
: แต่การเข่นฆ่า คือทางที่เจ้าใช้
กี่ชีวิตที่ต้องตาย กี่บ้านเรือนที่เผาไป
เจ้าเลือกจะเดิน ทางนี้
หยก
: เพราะ เราไม่มี ทางเลือก
หางเหา
: ถ้าให้เจ้าอยู่สูง ได้เหนือใครกว่านี้
เหมือนพื้นดินจะยิ่ง ทรุดลง
หยก
: สักวันเจ้า คงได้รู้ ถ้าได้ยืน
ที่ตรงจุดนี้บ้าง
หางเหา
: แก้ตัวไป ก็เท่านั้น เมื่อเราเหนือเจ้าตอนนี้
มีอำนาจจะตัดสินเป็นและตาย
รู้ หรือ ไม่ เมื่อมองเจ้าใน
มุมนี้
เหมือน ได้เห็นในมุม ที่ต่าง
หยก
: หากดวงตาเจ้าเห็นในความ ต่างนั้น
อีกสักครั้ง ช่วยมองในตา ของเรา
เมื่อได้มองเข้าไป เจ้าเห็นอะไร
หากดวงตาเจ้าเห็นในความ ต่างนั้น
จะเข้าใจ ว่าเราไม่เหมือน ผู้ใด
มองเข้ามาให้ลึก ให้ถึงใจจิตใจ
เจ้าจะเข้าใจความคิดที่เรา เป็นไป
หางเหา
: มองดูแล้ว มันทำให้ผิดหวัง
ตามคู่นี้ไม่เหมือนในวันนั้น
มันคือตา ของ “ฆาตกร”
หยก
: นี่หรือวาสนา …. นี่หรือวาสนา
หางเหา
: หยุด!
ฉัน เพิ่งเข้าใจตอนนี้เอง
ยาม ได้มีอำนาจอยู่เหนือใคร
ต้องกุม ความเป็นหรือตาย
เท่านี้ใช่ไหมที่คนมากมาย ลุ่มหลงอำนาจ
ฉัน เพิ่งเข้าใจตอนนี้เอง
ต้อง หักห้ามใจ แม้มันยาก
มีอำนาจในมือ เราต้องกุมอำนาจ
ต้องไม่ให้อำนาจ ควบคุมสั่งเรา...
และไม่ให้ มันควบคุมเราให้ทำ ผิดอย่างใคร
ตัวอย่าง 6 : หยก เหนื่อยและเฟลเกินไป
กับทุกอย่างที่เกิดขึ้น การได้มาซึ่งอำนาจ
ไม่ได้นำมาซึ่งความสุข เพราะความจริงทุกสิ่งมันเน่าหนอน
และแย่กว่าที่เธอติดจะเปลี่ยนแปลงมันได้...
เธอจึงยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อหลุดพ้น
และนี่คือสิ่งที่เธอ พูดทิ้งไว้
หยก : โลกใบนี้
มีผู้คน หลายหลาก
ต้องมองจาก
เบื้องบน
เมื่ออยู่สูง
ขึ้นไปอยู่เหนือคน
จงอย่าลืมจ้องมอง
คนข้างล่าง
ช่วยดูแลพวกเขา
ด้วยความ เมตตา
คนใต้ฟ้า
เหมือนฐานค้ำจุน ทุกอย่าง
อย่าขึ้นไป
อยู่เหนือ หากมุ่งเพียงทำลายล้าง
วันหนึ่ง
จะต้องอ้างว้าง ไม่เหลือ ใครๆ
“แล้วจะมีชีวิต
เพื่ออยู่ให้เหนือ เพื่อเหนือ อะไร?”
เห็นไหมล่ะครับ สมกับที่ผมเกริ่นไว้หรือเปล่า ว่าเป็น
“มิวสิคัล ที่มาก่อนเวลา” และยัง “ล้ำ” มาถึง
พ.ศ. นี้.... บางคนมองว่า มิวสิคัล
เป็นเรื่องของความไร้สาระและเสียเวลา แต่ถ้าเราเอาประเด็นของเรื่องมาขบกันจริงจัง
มันอาจจะพบทางออกของบ้านเมืองนี้ก็ได้ได้
-
ใครที่เหนื่อย ที่เฟลในอำนาจ ก็ลงมาเถอะ แล้วเริ่มใหม่ อยากไปแบกวันไว้
-
เราแสวงหาอำนาจกันไปทำไม เพื่อใคร
-
เราจะล้างแค้น หรือแค่เราพอ. เราจะ “ยอมจบ” หรือให้ “ยืดเยื้อ”
-
เรารู้อยู่แก่ใจ ว่าอะไรถูกอะไรผิด เราจะยอมดันให้มันแย่ หรือหยุดเพื่อให้จบด้วยดี
-
สิ่งที่ทำกันอยู่นั้น นำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง หรอกหรือ?
และอยากถามสักนิดว่า
การเป็นถึงหงส์แต่ก็ไร้บารมี บางทีการเป็นนกธรรมดาก็ยังดีกว่า
“แล้วจะมีชีวิต
เพื่ออยู่ให้เหนือ เพื่อเหนือ อะไร?”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น