รีวิว สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล (2552) : ความงามในความเปลี่ยนผัน

ผมเป็นแฟนของนวนิยาย สี่แผ่นดิน ครั้งแรกเมื่ออ่านนั้นผมยังเป็นนักศึกษา ผมยกย่องว่า เป็นนวนิยายที่ดีที่สุด เข้าใจคนไทยที่สุดในโลก... จนอยากให้สี่แผ่นดินทำเป็น มิวสิคัล เสียที.... ( แต่แอบหนักใจอยู่ว่า สี่แผ่นดินบรรจุตัวละคร เหตุการณ์ ที่มากมาย ซับซ้อน... ถ้าทำเอาทำเป็นมิวสิคัลจริง ยังนึกรูปแบบการนำเสนอไม่ออกจริงๆ แต่แอบคิดเล่นๆ ว่า ถ้าทำ คงต้องทำเป็น 2 ภาค ถึงจะเอาอยู่)

พอได้ยินข่าวว่า “คุณบอย” จะหยิบสี่แผ่นดิน มาทำเป็นมิวสิคัล ก็ตื่นเต้น และอยากดูจะแย่ ยิ่งเล่นในปีที่ครบรอบ 100 ปีของหม่อมอีก ยิ่งฟิน...ดังนั้นหน้าที่ของแฟนนวนิยายอย่างผมที่ทำได้คือ อ่านนวนิยายอีกรอบ ให้ลึกและรอดู ว่าคุณบอย จะทำถึงหรือไม่
                ต้องกล่าวก่อนว่า ผมมีโอกาสได้ชม “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” ถึง
2 ครั้ง (ครั้งแรกนั้น ราวๆ เดือนพฤศจิกายน และครั้งที่ 2 คือรอบสุดท้ายของการแสดง) และต้องยอมรับจริงๆ ว่า การชมสี่แผ่นดินของผมทั้ง 2 ครั้งนั้น กลับได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันชนิดหน้ามือ หลังเท้า อย่างไม่น่าเชื่อ....
                อย่างไรน่ะหรือครับ... ด้านล่างเลยครับ
ดูรอบแรก... ต้องบอกตรงๆว่า “ผิดหวัง”
                รอบแรกที่ผมไปดู ผมมีภาพ “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” ในหัวที่ชัดเจนมากจากการอ่านหนังสื่อ จำได้ทุกซีน ทุกตัวละคร...จำรายละเอียด... ดังนั้นเมื่อกลับมามองย้อนดูจึงพบว่า การไปดูครั้งนั้นของผม “มีกรอบ มีกำแพง ทางด้านความคิด” ที่ชัดเจนมาก หากคุณบอยทำอะไรที่ผิดแปลกไปจากนวนิยาย ผิดไปจากที่ผมนึกว่า นั่นคือ “ความผิด” ทั้งหมด
                ต้องยอมรับว่า “ผิดหวังมาก” กับการดูละครครั้งแรก.... ทั้งตัวละครที่ตัดไปครึ่งหนึ่ง ทั้ง คุณชิด คุณเชย คุณสาย เจ้าคุณพ่อ โดยเฉพาะ...พี่เนื่อง 
/ บุคลิกของตัวละครที่ผิดไปมาก แม่แช่มที่สนุกสนานหายไป แม่พลอยเวอร์ชั่นนี้ก็ช่างแสดงอารมณ์เหลือเกินผิดจากนวนิยาย  /การไม่ลงรายละเอียดอะไรมากมาย การเลือกจะไม่เล่าบางเรื่องในนวนิยาย / การปรับแต่งเนื้อหาในนวนิยาย.............การดูทั้งเรื่องของผม ถึงแม้จะ Happy แต่ก็ไม่ Fin  ...เพราะคุณบอยไม่ได้ทำตามที่ผลคิดไว้
                แต่ก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมด.. ผมยังชื่นชอบ ส่วนอื่นๆ ที่ทีมงานเพิ่มเติมมา ทำให้ละครสมบูรณ์ขึ้น... เช่น ตอนแม่พลอยเด็ก และเห็นพระมหากรุณาธิคุณของ ร.
5 (ซึ่งนวนิยายไม่ได้แตะเลย) เป็นต้น..... ที่ยกย่องคือ ประเด็นการนำเสนอเรื่องพระเจ้าแผ่นดิน และวิธีนำเสนอที่เปรียบตัวละครเหมือนสายน้ำ  เรื่องเครื่องแต่งกาย ฉาก แสงสี เพลงนั้น ระดับคุณภาพของรัชดาลัยอยู่แล้ว
                สรุปว่าตอนนั้นก็สนุกกับ สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” แหละ.... แต่ก็ไม่ fin ผิดหวังกับองค์รวมของการนำเสนอ           
             ตามปกติแล้ว เมื่อผมดูละครเวที ผมมักจะเขียนในบล็อกถึงความรู้สึกที่มีต่อโชว์นั้น  ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อวันที่สติเบิกบาน ผมได้เขียนถึงโชว์นี้ไว้แล้วในคอม ซึ่ง..เป็นเชิงต่อว่าล้วนๆ.......เมื่อเขียนเสร็จ.... ผมตัดสินใจยังไม่แชร์ เพราะเกรงว่าสิ่งที่เขียนจะวู่วามเกินไป...และหวังว่าเวลาจะกลั่นกรองความคิดของผมให้ดีขึ้น จนเมื่อพร้อม ผมคงจะกลับมาแก้มันให้เหมาะสม และแชร์ทันที..............
แต่แล้วก็ผ่านมานาน ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน มีนาคม ผมก็ยังไม่มั่นใจที่จะแชร์
จนกระทั่งผมได้มาดู “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” รอบสุดท้าย ความคิดเห็นของผมที่มีต่อละครเพลงเรื่องนี้ ก็พลิกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ดูรอบสอง... ไม่มีอะไรติ จริงๆ
การดูครั้งที่ 2 ของผมนั้น ผมเปลี่ยนวิธี ผมวางทุกอย่างไว้ที่บ้าน ทั้งนวนิยายที่เคยอ่าน ความคาดหวังทั้งหมดที่มีต่อนวนิยาย และความรู้สึกที่มีต่อละครเรื่องนี้  ทำให้ผมดูรอบนี้อย่างปลอดโปร่ง ใจเปิดกว้าง ไม่มีอคติ
ผลที่ออกมาได้คือ ผมพบว่า ละครเวทีเรื่องนี้ สมบูรณ์อย่างไม่มีที่ติ มีเหตุ มีผลสอดรับกันตลอดทั้งเรื่อง
, การนำเสนอก็ลุ่มลึก ละเมียดละไมอย่างที่สุด เป็นละครเวทีที่สมบูรณ์บนเวทีด้วยตัวของมันเอง.............จนอดคิดไม่ได้ว่า “ทีมงานทำไมเข้าใจบทประพันธ์ได้ถึงแก่นขนาดนี้ ราวกับแต่งเอง”
                และไม่น่าเชื่อว่า...การดูครั้งที่
2นี้ ผมค้นพบหลายสิ่ง ที่ผู้สร้างพยายามสอดแทรกไว้อย่างแนบเนียบแต่มีชั้นเชิง
                รูปแบบการนำเสนอนั้น... ให้แม่พลอยสื่อสารโดยตรงกับคนดู.... มีพี่คนหนึ่งถามผมตอนดูรอบแรกว่า “แม่พลอยที่ออกมาเล่าเรื่องนั้น เป็นวิญญาณใช่ไหม เพราะตอนจบ มีตัวละครที่เสียชีวิตไปแล้ว มาเล่าเรื่องด้วย ซึ่งแปลกไปจากนิยาย” ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้ตอบอะไร...เพราะก็งงๆ เหมือนกัน...... แต่พอมาดูรอบที่
2 ถึง Get ว่า อ๋อ...ทีมงานเขาใส่วิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจเข้าใจ....เคยได้ยินไหมครับว่า ผู้ที่ใกล้ตาย..ภาพของตัวเองทั้งชีวิต จะไหลเข้ามาในความทรงจำตั้งแต่เด็ก จนถึงวินาทีสุดท้าย...ผมเพิ่งเข้าใจว่าทีมงานพยายามสื่อสารแบบนี้ ตั้งแต่ซีนแรกที่แม่พลอยออกมาเล่าเรื่องตนเอง นั่นคือวินาทีที่แม่พลอยใกล้สิ้นใจ และเราได้ดูเรื่องราวของแม่พลอย ผ่านความคิดของแม่พลอย เมื่อเรื่องราวดำเนินงานถึงจุดที่แม่พลอยหมดลม “ชีวิต มีเกิด มีดับสลาย อ่อนล้าหัวใจสุดท้าย หลุดลอยหาย ในธารา....” ประโยคนี้เองที่แสดงว่าแม่พลอยตายแล้ว และบนเวทีจึงเริ่มมีตัวละครที่เสียชีวิตไปก่อนหน้า ออกมาทีละๆคน .......ซึ่ง มันเป็นแบบนี้นี่เอง...เข้าใจแล้ว

                ทำไมพลอยถึงรักพระเจ้าอยู่หัว.... เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า...แม่พลอยนั้น ชีวิตผูกพันธ์กับพระเจ้าอยู่หัวมาก... ไม่ใช่แค่ขณะเป็นชาววัง แต่เพราะละครเรื่องนี้แสดงให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างชีวิตแม่พลอยและสถาบันที่แยกกันไม่ออก เริ่มไล่ตั้งตา ตอนแม่แช่มทิ้งแม่พลอยไป พลอยก็ได้ติดต่อกับแม่ทางจดหมาย(ซึ่ง ร.
5 ริเริ่ม) เมื่อแม่แช่ตายไป อาจเพราะระบบการแพทย์ที่ไม่ดี พลอยเสียใจ แต่แล้วโรงพยาบาลศิริราชก็ถือกำเนิดขึ้น (ซึ่ง ร.5 ริเริ่ม) แม่พลอยที่มีปมด้อยเพราะเป็นลูกเมียน้อย ไม่เสมอภาค เมื่อ ร.5 ทรงริเริ่มนโยบายเลิกทาส นั่นยิ่งได้ใจพลอย....เมื่อพลอยโตขึ้น แต่งงานสามีก็เจริญเติบโต มั่นคงมีฐานะ เพราะทำงานรับใช้พระเจ้าอยู่หัว ตนเองได้เห็นบ้านเมืองมั่งคงขึ้น และเมื่อเหตุร้ายบังเกิดช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง อ้น ลูกเลี้ยงที่ตนรักกลับต้องโทษประหาร ซึ่งพลอยแทบคลั่งแต่แล้ว เหตุการณ์กลับคลี่คลายเมื่อ ร.7สละราชสมบัติ ทำให้อ้นไม่โดนประหาร และท้ายที่สุด หัวใจของแม่พลอยที่ขาดแหล่งยึดเหนี่ยว ประกอบกับการตายของอ๊อดก็ทำร้ายจิตใจพลอยที่ เปรียบเหมือนแผ่นดินที่แห้งแล้งเพราะไม่ต้องน้ำฝนมานาน และกลับชุมชื้นขึ้นเหมือนโดนฝนห่าใหญ่ เมื่อมีข่าวว่า ร.8 เสด็จมาประทับในเมืองไทยเป็นการถาวร..... และเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด....ทำให้จิตใจของแม่พลอยที่แบ่งบานเต็มที่ กลับเหี่ยวแห้งอย่างกระทันหัน ไม่ทันได้เตรียมใจ ส่งผลให้พลอยเสียชีวิตในที่สุด............ เห็นไหวว่ามันลิงค์กันอย่างมีเหตุมีผล

                นักแสดง..... คุณนก คุณรัดเกล้า คุณเกรียงไกร นี่ยอดฝีมือ เอาอยู่ไม่ต้องพูดถึง ที่ต้องดูใจ ก็เหล่านักแสดงรุ่นใหม่ อย่างกัน ที่ต้องบอกว่าทำได้ดีมากจริงๆ , มัดหมี่ รอบแรกๆยังไม่ค่อยถึง แต่พอรอบสุดท้ายนี่เธออินมาก, สิงโต รอบแรกๆ เล่นดีนะครับ รอบหลังๆ เล่นดีเหมือนรอบแรกที่ไปดู ไม่รู้ว่าดีอยู่แล้ว หรือว่าไม่พัฒนาแล้ว (ไม่ได้กวนนะ และไม่ได้มีความคิดเชิงลบกับสิงโตนะครับ), อาร์ อันนี้สอบผ่านครับ ฉลุย, ตูมตาม ยอมรับว่ากลับรายนี้ เพราะบทยาก..รอบแรกที่ดูก็รู้สึกว่าเล่นดีพอควร แต่ยังเกร็งๆ ร้องเพลงยังตรงจังหวะที่ซ้อม บล็อกกิ้งเป๊ะ...แต่รอบสุดท้ายที่ดู ยอมรับครับว่าพัฒนาไปไกลมาก ร้องเพลงจากความรู้สึกที่แท้   inner ลึกและชัด การแสดงลื่นและสื่อสารอารมณ์ได้ยอด,ท้ายที่สุด น้องพินต้า....ดีวัน ดีคืนครับน้อง ฟอร์มดี ไม่มีตก เหมือนนักแสดงมืออาชีพที่ผ่านงานมานานมากกกกกกกกกกกกก.
             
อ๋อๆ ต้องชมหมู่มวลทุกคนนะครับ เรื่องนี้ทำงานกันหนักมาก แต่มันก็เยี่ยมยอดนะครับ
              ฉาก..... ฉากในเรื่องนี้ มีหลายชิ้น... เยอะ...ซับซ้อน เปลี่ยนไว หลายเลเยอร์..............แต่ทำออกมาได้สมูธมากกกกกกกกกกกกกกก เรื่องความสวยงามไม่ต้องพูด เพราะสวย อลังการอยู่แล้ว........ ที่น่าประทับใจคือ ฉาก แสงสีนั้น มันวิเศษที่สามารถสื่อสารอารมณ์ออกมาได้ ขนิดไร้ที่ติ..... ผมนั่งอยู่ในโรงละคร แต่ผมรู้สึกว่าผมนั่งอยู่ริมคลองบางหลวง... ได้เดินเข้าไปในวัง....ได้ไปงานที่สวนอัมพร....ได้ไปอยู่ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า....อยู่กลางสนามรบ.... จริงๆ ....ซึ่ง โอ้แม่เจ้า ฉากมันมีวิญญาณ

                เพลง...... ตอนแรกสารภาพว่า ก่อนไปดู ซื้อ
CD มาฟังก่อน.....ซึ่งโดยรวมก็เป็นเพลงที่ไพเราะ สื่อสารประเด็นของสี่แผ่นดินได้ลึกซึ้ง.... แต่แอบคิดว่า มันเป็นแนวเดิมๆ ของรัชดาลัยนี่นา......ซึ่งพอไปดูละครและได้ฟังเพลงที่ตัวละครสื่อสารออกมาก็พบว่า เพลงในละครนี้คือ Original นะ มันเกิดมาเพื่อละครเรื่องนี้ มันสื่อสารได้อย่างดีกับละครที่แสดงอยู่  มันใช่มาก
ท้ายที่สุด... งาน Creative ที่ดี มักต้องมีช่องว่างให้ผู้ชมได้คิด ได้มีส่วนร่วม.... ซึ่งสี่แผ่นดิน ได้ทำแบบนั้นกับผม
 ครั้งแรกผมไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงของ มิวสิคัลเรื่องนี้ ที่บิดนวนิยายไปมากมาย.... แต่เมื่อผมดูทั้ง
2 รอบแล้ว  คติจากละครก็สอนให้ผมได้คิด และเข้าใจโลก มองโลกใหม่ “ดีพร้อม ย่อมไม่มีวันได้เห็น” “ภาพเปลี่ยนวันย่อมแปรเปลี่ยนไป ยอมรับความจริงเท่าไหร่ ยิ่งเห็นความงามเท่านั้น เข้าใจ ความงามในความเปลี่ยนผัน เรียนรู้เรื่องราวเหล่านั้น ตราบจนถึงวันสุดท้าย ...ภาพวันวานที่เราผ่านมา จะสอนให้เรารู้ว่า ต้องก้าวเดินหน้าอย่างไร... เรียนรู้ยอมรับสิ่งที่เป็นไป พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ต้องผ่านพ้นไปด้วยดี” ด้วยแนวคิดนี้ ผมจึงเรียนรู้ และเห็นความงามของ “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” จนยอมรับว่า มิวสิคัลนี้ งดงามจริงๆ

                อื่นๆ ผมก็อยากจะชื่นชมจริงๆ ที่ทีมงานเข้าใจแก่นแท้ของ “สี่แผ่นดิน” ได้ลึกซึ้ง ทุกคำพูด ทุกคำในเนื้อเพลง ทุกการแสดง ทุกการเปลี่ยนฉาก ไม่ได้มาอย่างชุ่ยๆ แต่มาอย่างมีความหมายของมัน เป็นสิ่งที่ไต่ตรองมาดีแล้ว และทั้งหมดทำให้ “สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล” ได้พิสูจน์ตนเองจนแสดงต่อเนื่องได้ถึง
100 รอบ และเป็นละครที่ผู้ชมชื่นชมต่อกันไปปากต่อปาก..... และจะประทับในใจคนไทยไปอีกนานแสนนานทีเดียว

                “เรียนรู้ บทเรียนที่ผ่านเลยไป พรุ้งนี้ย่อมจะสดใส ดังมีแสงทอง ส่องมา”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เรื่องย่อ “Frozen” (Disney's) โฟรเซ่น - ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ” : จากมุมมองของผม หลังชม (review)

สไปร์ท ฮอร์โมน : ซ่าๆ ใสๆ (กินสไปร์ท ต้องใส่ถุง) : (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)

เต้ย ฮอร์โมน : ตำนานแห่งดอกกุหลาบที่ถูกสาป (Hormones วัยว้าวุ่น เดอะซีรีย์)